พระเครื่องอภินิหาร

ประวัติ ปฏิปทา หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%9b%e0%b8%8f%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%97%e0%b8%b2-%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b9%81%e0%b8%9c

          หลวงปู่แผ้ว มีนานเดิมว่า  แผ้ว นามสกุล ขำตรี  เกิดวัน พฤหัสบดี ที่ ๕ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเมีย ณ บ้านห้วยรากไม้ (บ้านดอนมูล) บ้านเลขที่ ๒๐๗ หมู่ที่ ๑  ต.ปันแต  อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บิดามารดา ชื่อ นายหนู นางพูน ขำตรี ปัจจุบันสิริอายุ ๙๒ ปี อาจกล่าวได้ว่าหลวงปู่แผ้ว เป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด ที่ได้รับการปลูกฝังค่านิยม ในความเป็นเขาอ้อ การฝังรากฐานไปในแนวความคิด แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ในทางกลับกัน การหยั่งรากลึกลงไปในศาสตร์ลึกลับ แบบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต กับเป็นส่วนเพิ่มเติมเต็มความขลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และแน่นอนว่า ขลังไม่ขลังคงไม่ได้อยู่ที่จิตอย่างเดียว มันต้องบวกทัศนคติและมีพื้นฐานที่ดีเข้าไปด้วย

          หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของ พระอาจารย์นำ ชินวโร (แก้วจันทร์) วัดดอนศาลา ท่านเคยเล่าว่า ในสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ด้วยใจรักในไสยศาสตร์ ทำให้ท่านเฝ้าติดตามอาจารย์นำ (สมัยเป็นฆราวาส) ไปเป็นลูกมือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ท่านว่าการเป็นลูกมือนี่แหละสำคัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกฝนไปในตัวแล้ว ค่าของความเป็นลูกมือคือ การได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ผู้สอน ซึ่งท่านบอกว่าแม้กรพทั่งพระอาจารย์นำ ได้มาอุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังคงเข้าวัดมาช่วยงาน ในด้านพิธีกรรมต่างๆ ของวัดดอนศาลาอยู่เป็นประจำ

          หลวงปู่แผ้ว อุปสมบทครั้งแรก ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์(พ.ศ.๒๔๙๓) ณ พระอุโบสถ วัดควนปันตาราม โดยมี พระครูรัตนาภิรัตน์ (ตาหลวงเน) วัดควนปันตาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ถึงแม้ว่าตาหลวงเน ชื่อเสียงของท่านอาจจะไม่โด่งดัง หรือแพร่หลายออกมาสู่โลกภายนอกมากมายเท่าใดนัก แต่สำหรับพัทลุงแล้ว ตาหลวงเน นับเป็นพระมหาเถราจารย์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องของไสยเวทย์แล้ว ว่ากันว่าพระอาจารย์ดิษฐ์ วัดปากสระ เจ้าของพระสังกัจจายน์ ขนาดห้อยคออันดับหนึ่งของพัทลุงยังให้คำรับรองความขลังขมังเวทย์ของตาหลวงเน

          เวทย์มนต์ความขลังขมังเวทย์ของตาหลวงเน ได้ถูกถ่ายทอด ให้ทายาททางอาคมหลายต่อหลายองค์ เท่าที่มีชีวิตและมีชื่อเสียงในทุกวันนี้ก็มี เช่น พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม, พ่อท่านสุมิตร วัดทุ่งเตง และหลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง

          นอกจากการได้เป็นศิษย์ของ ๒ เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อแล้ว หลวงปู่แผ้วยังได้ชื่อว่าเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจาก พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ ท่านเคยเล่าว่า เดิมทีเคยคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีวิชาดีมีอาจารย์ดี แต่เพราะได้รับการกำราบจากพระอาจารย์ปาลนี่แหละ ทำให้ท่านพบความสว่างและสัจธรรมของความจริงที่ว่า ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง 

          หลวงปู่แผ้วท่านเล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านลาสิกขา ออกมามีครอบครัว ซึ่งในช่วงนั้นเป็นยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง จังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่สีแดง ตัวท่านเองรับใช้บ้านเมือง โดยการเป็นอาสาสมัครประจำการ ณ เขาปู่ มีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังพักผ่อนได้ถูก ผกค.เข้าล้อมและโจมตี ท่านว่าเสียงกระสุนปืน ที่ดังแหวกอากาศผ่านเส้นผมทำให้อาสาสมัครทุกคน ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาต่อกรได้ และจะด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ อาสาสมัครทุกคน ต่างมีตะกรุดของ พระอาจารย์ปาลคาดเอวกันทั้งนั้น ท่านบอกว่าในยามวิกฤตินั้นเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย ท่านได้บอกให้ทุกคนตั้งใจให้มั่น เอาครูบาอาจารย์ และของขลังที่ทุกคนมีติดตัวมาเป็นแรงใจลุกขึ้นยิงต่อสู้ จนในที่สุดสามารถแหกวงล้อมและรอดพ้นอันตรายได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

          ด้วยเหตุนี้เองในยามว่างจากการงาน หรือการปฏิบัติภารกิจต่าง ท่านจึงถือโอกาสเข้าไปรับใช้ ไปอุปฐากและไปเก็บเกี่ยววิชาความรู้ต่างๆ จาก พระอาจารย์ปาล จนกระทั่งพระอาจารย์ปาลมรณภาพลง ความชัดเจนในสาย วิชาและครูบาอาจารย์นี้เอง ทำให้หลวงปู่แผ้วได้รับสมญานามว่า เพชรน้ำงามสามเขาอ้อ นอกจากสายวิชาของเขาอ้อแล้ว ที่ชาวบ้านยอมรับในวิชาของหลวงปู่แผ้ว คือวิชาอาคมในสายหนังตะลุง เช่น เมตตา มหาเสน่ห์ กันของ แก้ของ ฯลฯ

          ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตหลวงปู่แผ้ว คือนายหนังตะลุง ที่มีชื่อเสียงของพื้นที่ ว่ากันว่า ยามใดก็ตามที่หนังของครูแผ้วเล่นละก็ รับประกันได้ว่าสะกดจิต สะกดใจ ผู้ชมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปที่อื่นได้ จนกว่าการแสดงจบ ซึ่งหลวงปู่แผ้วบอกว่าเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของการใช้คาถาอาคมประกอบแรงครู

          แรงครูของสายหนังตะลุง ถือได้ว่าแรงและลึก ไม่น้อยไปกว่าศาสตร์แห่งแรงครูในแขนงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ ตะกรุด มีดหมอ ที่ท่านเคยสร้างขึ้นมาจึงได้ขลังพลังลึกและมากไปด้วยประสบการณ์ หลังจากที่ครอบครัวมีความมั่นคงแล้ว หลวงปู่แผ้ว ได้ตัดสินใจ หันหลังให้ทางโลกอุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๒ ณ อุโบสถ วัดบ้านสวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยมี พระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (พ่อท่านช่วง) วัดควนปันตาราม (ปันแต) เป็นพระอุปัชฌาย์

          ปัจจุบันหลวงปู่อยู่ในวัย ๙๒ ปี ๒๑ พรรษา หลวงปู่แผ้ว ผลปัญโญ ยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้าน หากมีเวลาเรียนเชิญกราบนมัสการท่านได้ที่ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

0 Comments

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*

WordPress Image Lightbox