เกร็ดชีวิตคนดัง

ศิลป์ เมืองทอง เซียนพระเครื่องสายภาคอีสาน ศิษย์สายตรงหลวงพ่อทอง สุทธสีโล ประธานฝ่ายประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

%e0%b8%a8%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0

ชยุต ธันศรีชัย หรือชื่อในวงการ ศิลป์ เมืองทอง เซียนพระเครื่องสายภาคอีสาน ศิษย์สายตรงหลวงพ่อทอง สุทธสีโล ประธานฝ่ายประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

          “จริงๆ แล้วผมไม่ได้สนใจพระเครื่องมาแต่แรกนะครับ มาสนใจพระเครื่องก็ตอน อายุประมาณ 22-23 ช่วงเรียนจบใหม่ๆและเริ่มทำงานที่บริษัทสยามกลกาล มีพรรคพวกที่เขานับถือหลวงพ่อคูณ มาชวนผมไปกราบหลวงพ่อ ที่วัดบ้านไร่ เพราะเพื่อน หลังจากไปฝังตะกรุดหลวงพ่อคูณมาแล้วประสบอุบัติเหตุตกจากหลังคาปรากฏว่าไม่เป็นอะไร เขาก็เลยจะไปกราบหลวงพ่อคูณอีกครั้งทีนี้ก็ชวนผมไปด้วยผมก็ตามเขาไป ได้เจอหลวงพ่อคูณเราก็มีความเลื่อมใสศรัทธาท่าน และก็เป็นตามลำดับคือเริ่มชอบพระเครื่องมานับจากนั้น ทีนี้พอเริ่มสนใจพระเครื่องก็เข้าสนามพระเข้าหาศึกษามาเรื่อยๆ ครับ”  ศิลป์ เมืองทอง เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีความสนใจในพระเครื่อง และเริ่มหันมาเล่นพระจนปัจจุบัน

          ศิลป์ เมืองทอง เกิดที่ศรีสะเกษ แต่มามาศึกษาต่อที่โคราช จากนั้นก็ย้ายมาเรียนที่ กทม. แล้วจึงก็กลับไปอยู่ที่โคราชจนปัจจุบัน ส่วนฉายา ศิลป์ เมืองทอง นั้นได้มาจากตลาดพระแถวโรงแรมเมืองทองหลังย่าโม ที่ตัวเองเคยเดินสนามพระอยู่จวบจนสร้างชื่อ จึงใช้ชื่อ ศิลป์ เมืองทองมาโดยตลอด

เหรียญเสมาวัดปรก เนื้อเงินลงยา

          ตอนแรกที่ยังทำงานด้วยและเล่นพระไปด้วยผมไม่ได้เปิดศูนย์นะครับ ผมแค่รับเช่า และปล่อยพระทำควบคู่กับงานประจำ แล้วสุดท้ายก็ออกมาค้าขายที่ตลาดไนท์บลาซ่า โคราช ช่วงนั้นผมพอมีเงินก็เช่าเก็บหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่ปี 29-30-31-32 พวกนี้ ไล่ๆ มาเรื่อยๆ พร้อมกับเล่นพระเก่า สะสมพระเก่าไปด้วย จนได้รู้จักกับคุณอี๊ด โคราช, คุณหม๋ง โคราช จึงได้เริ่มเดินสายเล่นพระมาด้วยกันตั้งแต่สมัยนั้น มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอด

          จนมาเจอช่วงวิกฤติ ปี 40 เจอปัญหาต่างๆ มากมายเรียกว่าล้มลุกคลุกคลาน จึงหาที่พึ่งทางใจก็ไปทำบุญที่วัดปรกอยู่เรื่อยๆ พอดีช่วงนั้น ประมาณ 51-52 หลวงพ่อคูณก็เริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีขาวว่าหลวงพ่อคูณ ของวัดปรกที่เคยสร้าง ปี 36 แล้วยังไม่หมดมีแตกกรุออกมา มีคนเอาไปออกที่ตลาดเซฟวันแล้วก็เอามาปล่อยที่พันธุ์ทิพย์ และก็มีกระแสการเช่าหาพระรุ่นนี้กันจากราคาวัด 500 ก็ไป 800 ถึงพันกว่าบาท ผมเองก็เริ่มสนใจ

          พอดีว่าผมไปเห็นเหรียญทองคำซึ่งรูปแบบสวยก็อยากได้ ซึ่งตอนนั้นเนื้อทองคำก็อยู่ที่ราคาประมาณ 4-5 หมื่นบาท พอเห็นมีคนเขาลงขายในอินเตอร์เน็ต ผมก็ไปเคาะซื้อไปประมูลมา แล้วตอนนั้นผมก็มีเงินอยู่ประมาณ 7-8 แสน คิดว่าจะทุ่มซื้อเหรียญทองคำเสมา วัดปรก คิดว่าถ้าเหรียญราคานี้น่าจะซื้อได้สัก 10 เหรียญ และก็มีเจ้าหนึ่งซึ่งเขาไปทำบุญกฐินที่วัดปรก รู้สึกจะทำบุญไป 2 แสน หลวงพ่อก็ให้เหรียญทองคำเขามา 10 เหรียญ ทีนี้มีคนอยู่ในสนามเขามาเล่าให้ผมฟัง ตอนแรกผมก็บอกเพื่อนให้ไปจีบให้หน่อย ผมอยากได้เอาหมดเลย 10 เหรียญ ตามเป็นเดือนแล้วก็ไม่ได้ เขาจะขึ้นราคาไปเรื่อยๆ ผมก็ยังยืนยันจะเอาจนสุดท้ายตามนานมากแล้วก็ไม่ได้

เหรียญห่วงเชื่อมวัดปรกที่จัดสร้าง​ เนื้อทองคำ

          ทีนี้ผมไปเห็นเหรียญเสมาวัดปรก ทองคำในเว็ปไซต์หนึ่งเขาลงขายไว้ คือ โบ้ เซฟวัน หลวงพ่อให้เขาเอามาลงขายเพราะจะนำเงินไปบูรณะวัดและขณะนั้นวัดก็ต้องเตรียมงานบุญด้วย ผมก็เลยเคาะไปได้ในราคา 1 แสน 3 หมื่นบาท เหรียญทองคำนี้จึงเป็นเหรียญแรกที่ผมซื้อได้ครับ

          ตอนนั้นผมไปเอาเหรียญที่คุณโบ้ ที่ตลาดเซฟวัน พอทราบว่าที่วัดมีผมก็ตีรถไปวัดปรกเลยทันที เพื่อไปหาหลวงพ่อ ไปถามว่าหลวงพ่อมีเหรียญทองคำกี่เหรียญ ท่านก็เอามาให้ดูประมาณ 4-5 เหรียญแต่บางเหรียญสวย บางเหรียญไม่สวย สรุปวันนั้นผมก็คัดมาได้เพิ่มอีก 2 เหรียญรวมที่ซื้อมาก่อนหน้า 1 เหรียญเป็น 3 เหรียญแล้วก็เหมาเนื้อนวะ เนื้อทองแดงที่มีที่วัดมาหมดเลย และได้พระปิดตาหลังรูปเหมือน เนื้อเงิน 500 เหรียญ นวะอีก 1 ถุงและทองแดงอีก 1 ถุง สรุปว่าเงินที่เตรียมไว้ 7-8 แสนนั้นก็ไปเหมาพระของวัดปรกมาหมด จนตอนนั้นผมได้ฉายาว่า ศิลป์ วัดปรก คือถ้าจะหาพระวัดปรกที่วัดให้มาหาที่ผมได้เลย”

          นอกจากที่ไปเช่าที่วัดแล้ว ศิลป์ เมืองทองยังคงกว้านบูชาวัตถุมงคลวัดปรกมาจากตลาดพระ และในอินเตอร์เน็ตอีกมากมายเรียกได้ว่าเป็นเจ้ากรมวัดปรกทีเดียว จากนั้นตลาดพระก็เริ่มตื่นตัวเล่นหาพระวัดปรกกันมากขึ้น หลังจากเป็นนักเล่นพระแล้วเส้นทางของศิลป์ เมืองทองก็หันเหเข้าสู่การเป็นนักสร้าง

          “หลังจากที่บูชาพระวัดปรก ผมก็ไปวัดปรกอยู่เรื่อยๆ พอดีตอนนั้นตรงกับช่วงเข้าพรรษา จึงได้ทราบว่าที่วัดมีกุฏิไม่พอ พระที่บวชจึงต้องไปจำที่อื่น ก็เลยมีความคิดที่จะสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินให้วัดปรกสร้างกุฏิสงฆ์ โดยที่ตอนนั้นเรายังไม่เคยเป็นผู้จัดสร้างมาก่อน แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งสิ้นเลยผ่านนายหน้า พอผ่านนายหน้าตอนนั้นก็โดนบวก บวกเต็มๆ เลย แต่ก็ได้ยอดนะครับ ตอนเปิดจองกระแสมาแรงมาก เพราะตอนที่ผมเปิดจองผมเปิดโอกาสให้คนที่จองมีส่วนร่วมด้วย การเอารูปแบบเป็นกราฟฟิคเอามาลงเน็ตให้เขาคอมเม้นเหมือนออกแบบร่วมกัน แล้วก็จะอัปเดทแบบตลอด การทำบล็อกตลอด จนมาถึงทุกวันนี้การสร้างวัตถุมงคมีหลายรุ่นเลยที่ทำแบบเดียวกับของผมซึ่งแต่ก่อนมันไม่มีแล้วมันเป็นอะไรที่สร้างกระแสมากในตอนนั้น

          ซึ่งก่อนการจัดสร้างเราได้ขอเจ้จู ลูกบุญธรรมหลวงพ่อคูณท่านเป็นคนพาไปหาหลวงพ่อคูณ ทำหนังสือขออนุญาตจัดสร้าง ซึ่งตอนที่ไปทำหนังสือขออนุญาติทางวัดต้องการเงิน 5 ล้านเพื่อไปทำห้องน้ำให้กับโครงการพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ เฟส 2 ใช้งบประมาณ 5 ล้านเราก็เลยรับปากว่าจะหาเงินมาให้วัดบ้านไร่ 5 ล้าน ผมก็รับปากไว้เพราะเราคิดว่าเราทำได้ ส่วนวัดปรกผมถวายให้ 6 ล้านกว่าบาท จริงๆ ยอดการจำหน่ายทั้งหมด 32 ล้าน แต่มาโดนค่าจัดสร้างวัตถุมงคลไป 15 ล้าน ซึ่งมันเป็นครึ่งหนึ่งของยอดเลย เพราะความที่ผมไม่เคยรู้เรื่องการจัดสร้างเลยจึงโดนบวกไปเยอะครับ

          จากนั้นผมก็คิดที่จะนำพระที่เราสร้างให้เข้าบรรจุในรายการประกวดพระ ซึ่งทางสมาคมมีกฎว่าถ้าพระใหม่ 1 ปีขึ้นไปสามารถบรรจุในรายการประกวดพระได้ ผมจึงเข้าปรึกษาผู้ใหญ่ในวงการและก็ได้รับการบรรจุพระวัดปรกเข้ารายการประกวดครับ

          จากนั้นผมก็ได้มีโอกาสมาสร้างพระให้ หลวงพ่อทอง ศิษยเอกหลวงพ่อคูณ รุ่นแรก เพื่อหาเงินไปบูรณะอุโบสถที่สร้างไม่เสร็จแต่ตอนนั้นมันร้างก็ต้องรื้อทำใหม่ใช้งบหลายล้าน หลังจากที่ผมเปิดจองวัตถุมงคลรุ่นแรกหลวงพ่อทองนี้ผมได้หาเงินให้หลวงพ่อไป 5 ล้านบาทตามที่ได้ตกลงกับหลวงพ่อไว้สำเร็จครับ

          ตอนรุ่นแรกหลวงพ่อทองยังไมดังนะครับ จนสร้างรุ่น 3 ทีนี้ดังเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ผมก็มีความคิดจะเผยแพร่บารมีหลวงพ่อทอง นอกจากบรรจุในรายการประกวดพระแล้ว ก็มีการประกาศรับถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทอง จัดงานใหญ่เลย คนที่มาถวายตัวจะได้รับเหรียญศิษย์หลวงพ่อทองรุ่นแรกไป เป็นการเผยแพร่ให้คนรู้จักหลวงพ่อทองมากขึ้นด้วย ทีนี้คนก็รู้จักหลวงพ่อทองมากขึ้นอีก และคนก็ได้รู้จักผมกว้างมากขึ้นอีกเช่นกันครับ

          จากที่บรรจุในรายการประกวดพระ ผมก็เดินสายคอยช่วยงานพี่น้องวงการพระ งานประกวดพระอยู่ตลอด ไปเกือบทุกงาน จนได้มีโอกาสจัดงานประกวดพระด้วยกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ชัยภูมิ ครั้งที่ 2 ที่โคราช ป๋าต้อย เมืองนนท์ ท่านเมตตาเห็นว่าผมไปช่วยงานประมูลพระ บริจาค และร่วมตัดสินพระอยู่ตลอด จึงแต่งตั้งเป็นประธานฝ่ายประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัดครับ ถือว่าผมได้รับความเมตตาจากป๋าต้อย เมืองนนท์เป็นอย่างมาก

          จากคนที่มีความศรัทธา เดินสายพระเครื่องมาจนผู้ใหญ่เล็งเห็นให้ความเมตตาให้เป็นประธานฝ่ายประสานงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ศิลป์ เมืองทอง เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง สำหรับคนรุ่นใหม่อยากเข้าสู่วงการพระเครื่อง ศิลป์ เมืองทอง ขอแนะนำว่า “ใครที่สนใจจะศึกษาพระเครื่อง โดยเฉพาะพระใหม่ เราอย่าดูแค่รูปแบบ เราต้องมองเจตนาของผู้สร้างด้วยและพระเก่าก็ต้องอาศัยหลักสากลของสมาคม และเข้าสู่วงการพระอย่าหวังแต่หาผลประโยชน์ เพราะถ้าหากว่าหวังแค่ผลประโยชน์อย่างเดียวมันจะไม่เหลืออะไร แต่ถ้าเราเข้ามาเพื่อให้ รับรองว่าไม่มีหมดครับ เราจะอยู่ในวงการนี้ต้องเป็นผู้ให้ก่อนอย่าหวังที่เข้าสู่วงการพระเพื่อมากอบโกย เหมือนคำหลวงพ่อคูณที่เคยพูดว่า เป็นผู้ให้ที่บริสุทธิ์ มีความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่ว่าหวังผลตอบแทน แล้วจะได้รับเองครับ”

          ใครสนใจวัตถุมคงลหวงพ่อคูณ และหลวงพ่อทอง สามารถติดต่อศิลป์ เมืองทองได้ ที่ชมรมอนุรักษ์พระเครื่องพระบูชาหลวงพ่อทอง สุทธสีโล พันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ชั้น 3 โทรนัดล่วงหน้าได้ที่ 091-663-3899

          และในวันที่ 27 พ.ย. 62 ที่โรงแรมรายาแกรนด์ โคราช ศิลป์ เมืองทอง จะเปิดตัวชมรมอนุรักษ์พระเครื่องพระบูชา หลวงพ่อทอง สุทฺธสีโล เพื่อให้ทุกๆ ท่านได้รู้จักบารมีหลวงพ่อทอง และเป็นศูนย์กลางของวัตถุมงคลหลวงพ่อทอง

//สัมภาษณ์ โดย จุ๋ม ศิริพร//

0 Comments

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*

WordPress Image Lightbox