พระปิดตา ขี่ พญาหมูทอง รุ่น มงคลจักรวาล หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ อนาลโย ตำนานวัตถุมงคลขลังแห่งมหาโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภเงินทอง ป้องกันภัย
ตำนานวัตถุมงคลขลังแห่งมหาโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภเงินทอง ป้องกันภัย
พระปิดตา ขี่ พญาหมูทอง รุ่น มงคลจักรวาล
หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาส วิปัสสนา อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
ในวัตถุมงคลของเมืองไทย มีพระเครื่องประเภทหนึ่ง ซึ่งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่าง จากพระเครื่อง ประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยม อย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกันในนาม “พระปิดตา” ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้น นับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง “นัย” หรือ “ปริศนาธรรม” แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้
พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “ พระควัมปติ” หรือ พระภควัมบดี พระปิดตา สุดยอดทางคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
ถ้าพูดถึงบรรดานักนิยมพระเครื่องนั้นส่วนมากเพียงแต่เรียนรู้ว่า พระภควัมบดี หรือที่เรา ๆ นิยมเรียกกันว่าพระปิดตา หรือ ปิดทวารทั้งเก้านั้น ท่านเป็นพระวัดไหน? คณาจารย์องค์ใดเป็นผู้สร้าง? ลักษณะสำคัญเป็นอย่างไร และมีความเป็นมาและเป็นไปถึงกำเนิดการสร้างการถือรูปคติ มาจากไหน ความเป็นมาและเป็นไปอย่างไร เราส่วนมากเก้าในสิบคนนั้น ตอบไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นอีก เมื่อพบกับปัญหาที่ว่า พระปิดตา ปิดทวารทั้งเก้านั้น เขาห้ามเอาเข้าบ้านโดยเฉพาะผู้ที่ทำการค้า และหญิงที่มีครรภ์แล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ เกรงว่าท่านจะปิดกั้นความร่ำรวย และปิดอะไรต่อมิไรเสียหมดสิ้น คำถามเหล่านี้เข้าใจว่า ท่านนักนิยมพระเครื่องส่วนมากคงได้ยินได้ฟังตามความเชื่อถือ ตามคติโบราณผิด ๆ
ถึงความเป็นมาของ พระภควัมบดี หรือ พระปิดทวาร ตามตำรับโบราณมาเสนอท่านผู้อ่านดังนี้
ในกระบวนเครื่องรางของขลังตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วพระภควัมบดีนับว่าเป็นยอดที่สุดในบรรดาเครื่องรางของขลังทั้งหลาย แต่ที่ทุกวันนี้พระภควัมบดีแทบจะถูกลืมไปเสียก็ได้ จะมีรู้จักก็อยู่ในวงแคบ เนื่องจากการสร้างพระภควัมบดีนั้น ถ้าจะสร้างให้ถูกวิธีการแบบโบราณที่แท้จริงแล้ว เป็นการยากยิ่งนอกจากต้องหาวันที่บังคับไว้ตามตำราแล้ว เมื่อเวลาปลุกเสกจะต้องใช้เวลาหลายวัน และปลุกเสกด้วยคาถาบังคับเป็นพัน ๆ จบ ท่านโบราณาจารย์ท่านยังมีคำกล่าวไว้ว่าต้องปลุกไปจนกว่าพระจะลุกขึ้นมานั่ง จึงจะถือว่าสำเร็จตามพิธี เมื่อทำได้ดังนี้แล้วเป็นอันเชื่อได้ว่า ย่อมเป็นของขลังที่สามารถคุ้มภยันตรายให้กับผู้ที่มีไว้แน่นอน
ก่อนที่จะแนะนำ ให้ท่านผู้อ่านนิยม พระภควัมบดี ผู้เขียนใคร่จะแนะนำให้ท่านผู้อ่านทราบถึงประวัติความเป็นมาของพระภควัมบดีเสียก่อน เพื่อจะได้เกิดศรัทธาแก่ท่านผู้มีสักการะพระภควัมบดีให้ยิ่งขึ้นไปอีก
“ควัมปติ มหาเถโร” ตามบาลีกล่าวว่า พระภควัมบดีท่านได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราว่า เป็นอัครสาวกผู้เป็นเอกทัคคะผู้หนึ่งในการทรงไว้ซึ่งความเฉลี่ยวฉลาด ในการอธิบายความแห่งธรรมที่ย่อให้พิศดารได้ยอดเยี่ยมกว่าสาวกองค์อื่นใด
ประวัติเดิมของท่าน ตามพระบาลีว่าท่านกำเนิดมาจาก ตระกูลพราหมณ์ – ปุโรหิต กัจจายนะโคตร์ของกรุงอชเชนี นามเดิมของท่านคือ “กาญจน์” ที่ท่านได้ชื่อดังนี้เพราะท่านมีวรรณะงดงามดังทอง ได้ศึกษาเล่าเรียนไตรเพทตามตระกูลจนเจนจบ ได้เป็นพราหมณ์ปุโรหิตแทนบิดาในสมัยพระเจ้าจันทรปัตโชติ เมื่อท่านได้ฟังธรรมเทศนาในสำนักพระศาสดาของเราแล้วก็ได้บรรลุพระอรหันต์ ต่อเมื่อภายหลังท่านได้อุปสมบทด้วยอหิภิกขุอุปสัมปทา
พระมหากัจจายนะ เป็นผู้ที่มีพรรณ์และวรรณะ งดงามตามพระบาลีกล่าวว่า สุวรรณโณจวนณณัง คือ มีผิวเหลืองดั่งทองคำ มิว่าท่านจะไป ณ สถานที่ใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญว่า ท่านคือพระศาสดาเสด็จมาแล้ว เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั้นเอง เมื่อเป็นดังนี้ท่านก็คิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านครั้งนี้เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ท่านจึงกระทำอิทธิฤทธิ นิมิตกายให้เตี้ยงลงจึงดูคล้ายท้องพลุ้ย ปฐมเหตุครั้งนี้เองท่านโบราณาจารย์จึงได้ถือเอาปางกระทำอิทธิฤทธิเป็นรูประลึก เช่นพระปิดตา และพระสังกระจาย จึงก่อนกำเนิดขึ้นมา ด้วยประการฉะนี้
จะขอกล่าวถึงอิทธิฤทธิ์ ของ พระภควัมบดี ตามหัวเรื่องที่แนะนำไว้ แต่ต้องขอกล่าวอีกสักนิด เพราะเหตุที่พระมหากัจจายนะมีรูปงามเป็นเสน่ห์นิยม – เมตตาต่อผู้พบเห็น ดังนั้นชนทั้งหลายจึงขนานนามท่านว่า “ภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายว่า “มีความงามคล้ายพระผู้มีพระภาคเจ้า”
บางท่านอาจจะเข้าใจว่าพระภควัมบดี นั้นเป็นพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งและพระมหากัจจายนะเป็นอีกองค์หนึ่งนั้น แท้จริงแล้วก็คือองค์เดียวกันนั่นเอง เพราะในพระคาถาต่าง ๆ ใช้ “ควัมปติ” ทั้งนั้นไม่มีกล่าวนามมหากัจจายนะเลย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นปฐมเหตุให้เข้าใจสับสนไปก็ได้ ฉะนั้นจึงขอผู้อ่านได้โปรดเข้าใจตามนัยนี้ด้วย
ในวาระมงคลพิเศษ ปี ๒๕๖๒ พระครูปลัดสุรินทร์ ภทฺทมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส วิปัสสนา และผู้ดูแลการสร้างวัตถุมงคล พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ ได้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคล “พระปิดตา ขี่ พญาหมูทอง ” รุ่น มงคลจักรวาล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และมอบให้กับผู้ร่วมบุญทุนการศึกษาเยาวชนที่ยากจน
กล่าวถึงตำนานมหายันต์ “พญาหมูทองแดง” ตำรับสาย หลวงพ่อรักษ์ ๓๐ ทัศ กล่าวถึง วิชานี้ได้ใช้ตำรับเคล็ด วิชาพระนารายณ์อวตารปราบมาร สุดยอดวิชาพลิกชะตา ที่ร้ายให้กลับกลายเป็นดี อุดมด้วยโชคลาภเงินทอง ทำมาหากินคล่องเจริญรุ่งเรือง ในอาชีพการงาน ควรค่าแก่ผู้ที่ประสงค์ จะใช้บูชาเพื่อเป็นเคล็ดสิริมงคลแก่ตน
สิทธิการิยะ “หมู” เป็นหนึ่งในสรรพสัตว์ในเครื่องรางของขลังที่นับถือกันมาแต่โบราณ เหตุที่สร้าง หมู ขึ้นมานั้นสืบเนื่องมาจากใน “นารายณ์สิบปาง” หมูเป็นหนึ่งในนั้นอวตารของพระนารายณ์ที่ลงมาปราบอสูรร้าย ตามตำนานโบราณนารายณ์ ๑๐ ปาง นั้นกล่าวไว้ว่า กาลก่อนโน้น หิรัณยากษะ ซึ่งม้วนแผ่นดินทั้ง 4 ทวีปไปทิ้งบาดาล เพื่อให้โลกคงอยู่จนเวลานี้ โลกในตอนนั้นพื้นแผ่นดินหามีไม่ เพราะแผ่นดินจมหายลงไปใต้มหาสมุทรเพราะฝีมือยักษ์ โลกทั้งหลายจึงอ้างว้างมีแต่น้ำ เมื่อโลกจมอยู่ใต้มหาสมุทร พระนารายณ์ใคร่จะเลี้ยงโลกให้มีความสุขเช่นกาลก่อน จึงทรงอวตารเป็นวราห์หรือหมูกายสีดำร่างใหญ่สิบโยชน์ สูง 100 โยชน์ เขี้ยวขาวแหลม แสงเนตรดั่งฟ้าแลบ มีควันออกจากกายตัว วราหาวตารออกท่องเที่ยวไปเพื่อหาแผ่นดินให้มนุษย์อยู่อาศัย ในที่สุดพบผืนแผ่นดิน วราหาวตารหมูใหญ่จึงเอาเขี้ยวขุดค้นแผ่นดิน บัดนั้นหิรัณยากษะ ยักษ์ร้ายจึงร้องห้ามมิให้หมูอย่าขุดเอาแผ่นดินไป เพราะว่ายักษ์ไม่ต้องการให้มนุษย์อาศัยในแผ่นดิน หมูจึงตอบว่า “เจ้ายักษ์ร้ายชาติก่อนเจ้าเป็นนายทวารเฝ้าประตูพระวิษณุ ครั้นฤาษีมาเข้าเฝ้า ยักษ์ร้ายก็ทำการหยาบคาย จึงถูกฤาษีสาปไม่ให้เกิด ครั้นบัดนี้ถึงเวลาจะได้เกิดแล้ว อย่ามากีดกั้นขัดขวางทางเลย” ยักษ์หิรัณยากษะว่า เจ้าเป็น หมู มาอวดดีจะต้องสั่งสอนเจ้า ทั้งสองต่างเข้าต่อสู้กันเสียงสนั่นน่านน้ำ ในที่สุดขุนยักษ์หิรัณยากษะเสียท่าล้มลง วราหาวตาร หรือ หมูดำใหญ่ จึงขวิดด้วยเขี้ยวทะลุทรวงอก หิรัณยักษ์ตาย วราหาวตาร หรือหมูดำใหญ่ จึงเอาเขี้ยวขุดดิน แล้วชูขึ้นจากผืนน้ำ ทวยเทพ ฤาษีชั้นเทวโลก ก็ทูลอ้อนวอน วราหาวตาร ขอให้ยกแผ่นดินให้ปรากฏดังกาลก่อน แผ่นดินจึงปรากฏขึ้น หมูดำใหญ่ก็กลายรูปเป็นพระนารายณ์เสด็จกลับคืนสู่ไวกูณฐ์สืบไปหมูพลิกแผ่นดิน (พระนารายณ์อวตารปราบมาร)
นับว่า “ มหายันต์ พญาหมูทองแดง” เป็นสุดยอดเคล็ดวิชา พระนารายณ์อวตารปราบมาร สุดยอดวิชาพลิกชะตาที่ร้ายให้กลับกลายเป็นดี อุดมด้วยโชคลาภเงินทอง ทำมาหากินคล่องเจริญรุ่งเรืองในอาชีพการงาน และ เป็นทั้ง สุดยอดพุทธคุณ สายป้องกันภับ แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นเลิศ ควรค่าแก่ผู้ที่ประสงค์จะใช้บูชาเพื่อเป็นเคล็ดสิริมงคลแก่ตนเองยิ่งนักพระเกจิอาจารย์แห่งอยุธยา “หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย” ได้ผูกอักขระลงคาถา เป็นพระยันต์ พญาหมูทองแดง มอบประสิทธิให้ กับ พระครูบาสุรินทร์ ภทฺทมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เพื่อใช้ในการลงยันต์สร้างวัตถุมงคล และเพื่อสืบสานตำนาน เคล็ดวิชา พระนารายณ์อวตารปราบมาร ถือว่าสุดยอดวิชาพลิกชะตาที่ร้ายให้กลับกลายเป็นดี ให้พุทธศาสนิกชนคณะศิษย์มีสิ่งมงคลนี้ไว้สักการบูชา แต่ในการลงยันต์นี้เป็นยันต์ที่มีครูแรงยิ่งนัก ในศาสตร์วิชานี้ บอกไว้ว่า ให้บูชาครู ขึ้นครูไหว้ครูตำรับ ครูตำราด้วย บายศรีปากชาม ๑ คู่ ,หมู นอนตอง ๑ชิ้น ,ผลไม้ไหว้ครู ๑ พาน ปัจจัยบูชาครู ๑๒ บาท จัดตั้งพิธีไหว้ครูบอกกล่าวครูบาอาจารย์แต่ครั้งโบราณ ให้ท่านรับรู้รับทราบและมาเป็นมิ่งขวัญอนุโมทนาในการ เชิญบารมีมหายันต์นี้ เพื่อใช้อาราธนาบูชา จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลโดยแท้
กล่าวถึง ท่านเจ้าคุณ พระภาวนาธรรมาภิรักษ์ วิ. หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย” พระภาวนาจารย์วิทยาคมขลัง เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาสวิปัสสนา ผู้สร้างพุทธมณฑลจังหวัดอยุธยา เกจิดังแห่งยุคศึกษาสรรพวิชาอาคมจากพระเกจิดังทั่วสารทิศ และ แผ่บารมีสร้างบุญมหากุศลทานบารมี ทั่วฟ้าเมืองไทย สมัญญานาม นักบุญแห่งสยามประเทศ “เจ้าตำรับตะกรุดมหาบารมี ๓๐ ทัศ พระเกจิดังแห่งเมืองกรุงเก่า” ปัจจุบันมีลูกศิษย์จำนวนมาก พุทธศาสนิกชนต่างให้ความเคารพเลื่อมใสทั่วสารทิศ ด้วยความเคารพศรัทธาแห่งวัตถุมงคลและ ปฎิปทาคำสอน อันน่าเลื่อมใส จากวัตรปฏิบัติ และความตั้งใจ ของ หลวงพ่อรักษ์ กล่าวคือท่านเป็นประธานจัดสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ เป็นครูบาอาจารย์สอนกรรมฐาน แห่งสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดอยุธยา แห่งที่ 13 เรียก ได้ว่า หลวงพ่อรักษ์ เป็นทั้งพระนักปฏิบัติ และพระนักพัฒนาอย่างจริง มีคุณูปการต่อบวรพระพุทธศาสนาและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่งรูปหนึ่ง และนอกจากนี้ ท่านยังสร้างบุญ บำเพ็ญบารมีสั่งสมบารมี มุ่งสู่มรรคผลนิพพานเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด
หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย พระภาวนาจารย์เมืองอยุธยา ที่เชี่ยวชาญในการปฏิบัติสมถะกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้พัฒนาวัดสุทธาวาส จากเดิมที่เป็นวัดธรรมดาทั่วไป จนเป็นที่รู้จักแก่สาธุชน ว่า “ วัดสุทธาวาส วิปัสสนา ” เป็นสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แห่งที่ ๑๓ งานที่หลวงพ่อรักษ์ ตั้งใจปฏิบัติมาโดยตลอด คืองานด้านการเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในรูปแบบของการสอนปฏิบัติสมถะกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน
โดยเริ่มทำมา ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งการจัดกิจกรรมถือศีลปฏิบัติธรรมจัดจะขึ้นทุก วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สุดท้ายของสิ้นเดือน ตลอดทั้งปี โดยมี หลวงพ่อรักษ์ เป็นอาจารย์สอน เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา อีกทั้งยังแสดงถึงความเมตตา ของหลวงพ่อ ที่มีเมตตาหวังดีต่อศิษยานุศิษย์และสาธุชน ที่หวังให้ลูกศิษย์ทุกคนมีศีลสมาธิปัญญาที่ดี และยังมีสุขติเป็นที่ไป อีกทั้งมีความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา ตลอดไป หลวงพ่อรักษ์ ท่านกล่าวว่า “ ตราบใดที่ ยังมีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน-สมถะกรรมฐาน อยู่ตลอด พระพุทธศาสนานี้ก็จะอยู่คู่โลกตลอดไป”
ในการจัดสร้างวัตถุมงคล “พระปิดตา ขี่ พญาหมูทอง ” รุ่น มงคลจักรวาล พิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ ในอาทิตย์ ที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ วัดสุทธาวาส วิปัสสนา (พุทธมณฑลพระนครศรีอยุธยา) อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา กำหนดการพิธี เวลา ๑๓.๐๙ น. ประกอบพิธีบวงสรวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามตำรับโบราณ เวลา ๑๔.๐๙ น. พระเถราจารย์ จตุวรรค สวดพระคาถารัตนมาลา พระคาถาทิพย์มนต์ ตำรับโบราณเวลา ๑๕.๐๙ น. ท่านเจ้าคุณ พระภาวนาธรรมาภิรักษ์ วิ. “ หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย” เมตตาเป็นประธานจุดเทียนชัยนั่งปรกอธิษฐานจิต พระมหานาค ประกอบพิธีสวดพระคาถามหาพุทธาภิเษกใหญ่ ตลอดถึง เจริญพระพุทธมนต์สมโภช ตามตำรับการสร้างเครื่องรางแบบฉบับโบราณจารย์สมัยกรุงศรีอยุธยา
ผู้เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งนี้ ท่านจะได้รับแจกวัตถุมงคล เป็นที่ระลึกซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง ติดต่อสอบถามร่วมบุญสั่งจอง ได้ที่วัดสุทธาวาส วิปัสสนา โทร. 099-7962464 , 096-8964549 และ 096-4539415
•