ลูกไม้หล่นใต้ต้น “มุ่ย นางรอง”
ลบคำสบประมาทด้วยความสามารถจนเป็นที่ประจักษ์
“ผมเริ่มศึกษาพระเครื่องตอนแรกตอนอายุประมาณ 12 ปี ช่วง ป 5-ป 6 ความที่ผมเกิดในครอบครัวที่เป็นนักสะสมพระอยู่แล้วครับ เพราะพ่อผมคือ ไพโรจน์ สิงห์น้อย หรือที่รู้จักกันในวงการพระเครื่องว่า มุ่ย นางรอง ส่วนลุงผมก็ชื่อ ไพจิตร สิงห์น้อย ทำให้ผมค่อนข้างที่จะผูกพันกับพระเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ ไม่ว่าจะเป็นลุง มีแต่คนเล่นพระเดินไปทางไหนก็จะมีพระเต็มบ้าน ตื่นเช้ามาก็จะเห็นคนที่ชอบเล่นพระมานั่งส่องพระที่บ้านอยู่ประจำ ซึ่งเป็นภาพที่เห็นจนชินตา พอเห็นผู้ใหญ่ส่องก็ลองหยิบมาส่องมาดูบ้างก็เลยกลายเป็นชอบ แล้วอีกอย่างตอนเด็กชอบอ่านหนังสือผี แล้วในหนังสือผีก็จะแทรกอภินิหารพระเครื่องทำให้เราอยากจะหาพระใช้สักองค์เพราะว่ากลัวผีครับ”
“พอได้ศึกษาได้เรียนรู้ก็เล็งเห็นว่า พระเกจิคณาจารย์ในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นพระที่เก่งทั้งนั้น โดยเฉพาะหลวงปู่สุข วัดโพธ์ทรายทอง ที่บ้านผมค่อนข้างที่จะศรัทธามาก แม้กระทั่งปู่ผมที่ไม่ได้ชอบพระเครื่องก็ยังมีไว้บูชา ก็เลยอยากจะเป็นนักอนุรักษ์พระเครื่อง ก่อนจะเริ่มสะสมแล้วมาแลกเปลี่ยนซื้อขายพระ จนกระทั่งเป็นเซียนพระอยู่ทุกวันนี้ครับ”
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ รุ่งโรจน์ สิงห์น้อย หรือ แม็ก นางรอง เซียนพระเซาะกราว เล่า ให้กับนักข่าวนิตยสารพระเครื่องอภินิหารฟังอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเล่าถึงวิธีการศึกษาพระเครื่องของตนเองให้ฟังว่า
การศึกษาพระเครื่องของผมนั้น เริ่มจากที่พ่อผมจะเล่นพระเก่าพวกเทวรูป พระกรุยุคเก่า รวมทั้งพระเครื่องของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง กับ หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม ทำให้ผมสนใจพระเครื่องตามอย่างที่พ่อผมเก็บศึกษา ก็เลยพุ่งตรงมาศึกษาพระสายจังหวัดบุรีรัมย์เลยโดยตรง อย่างพระองค์แรกที่ผมศึกษาก็เป็นหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง พระในจังหวัดบุรีรัมย์ทำให้ผมไม่เล่นพระสะเปะสะปะ รวมทั้งผมโชคดีที่มีครอบครัวเป็นคนเล่นพระ ก็เลยโอกาสได้ดูได้ส่องพระแท้บ่อยๆ จนมันชินตา แล้วในช่วงที่ผมศึกษา ช่วงปี 2541 นั้นพระในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งหลวงปู่สุข หลวงปู่เม้าเองก็ยังราคาไม่สูง ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าทุกวันนี้ก็เลยทำให้ยุคนั้นแทบจะไม่มีของเก๊ออกมาสู่ตลาดครับ จะมีก็เฉพาะพระรูปหล่อโบราณ ที่เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีรูปหล่อเมืองไทยการทำเก๊ในยุคนั้นก็ยังไม่เนี๊ยบเท่าสมัยนี้ พระที่ผมได้ส่องจึงมีแต่พระแท้ครับ”
“ผมโตมาพร้อมๆ กับพระเครื่องของหลวงปู่ค่อยๆ กระเถิบราคาขึ้น ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาพระเยอะ เพราะราคายังพอจับต้องได้ สำหรับเด็กน้อยที่ต้องเก็บเงินค่าขนมหยอดกระปุกเอามาเช่าบูชา”
เมื่อถูกถามว่านานไหม กว่าจะซื้อขายพระ แม็ก นางรอง หยุดทบทวนพักหนึ่ง แล้วเล่าต่อว่า “คือตอนแรกผมเป็นนักอนุรักษ์ครับ ก็เลยซื้อเก็บอย่างเดียวครับ ไม่ขาย! และค่อนข้างที่จะหวงพระ แต่พอถึงยุคเวลาหนึ่ง ประมาณปี 46- 47 จากที่เราบูชาพระเก็บราคาหลักร้อย หลักพัน ก็อยากจะเก็บพระสวยๆ ราคาหลักหมื่นไว้ในครอบครองบ้าง ก็คิดว่าจะทำยังไงดีจะไปขอพ่อ พ่อก็บอกว่าถ้าอยากซื้อก็ต้องซื้อเอง แล้วพระราคานี้ของเด็กในวัยนั้นเป็นไปไม่ได้ ที่จะเจียดเงินค่าขนมมาซื้อพระราคาหลักหมื่น แล้วกว่าเก็บได้ครบจำนวน ราคาพระก็ต้องกระเถิบขึ้นไปอีก คิดไปคิดมาผมนึกขึ้นได้ว่ามีพระเครื่องของหลวงปู่สุข หลวงปู่เม้าซ้ำกันเยอะ ก็เลยเอาของเก่าที่มีอยู่แล้วที่เราซื้อเก็บไว้เยอะๆ เอาออกมาปล่อยเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน นั่นคือจุดเริ่มต้นให้ผมได้ซื้อขาย และทำให้ผมจากที่เป็นนักอนุรักษ์พระเครื่องกลายเป็นนักซื้อขายพระ”
“พูดถึงตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคนที่อยากจะศึกษาพระ อยากเล่นพระว่าแรกๆ ให้คุณเก็บตาม ตามกำลังทรัพย์ โดยเฉพาะวัยทำงานหรือคนที่มีครอบครัวแล้วถ้าทางบ้าน หรือแฟน ภรรยาไม่เข้าใจจะเกิดปัญหาครอบครัวได้นะครับ ดังนั้นการเช่าพระก็ควรที่จะเช่าตามกำลังก่อนครับ”
จากเริ่มศึกษา สู่สะสมเพื่ออนุรักษ์ จนซื้อขายพระ แล้ว แม็ก นางรอง เข้าสู่การเป็นเซียนพระ ของวงการพระเครื่องได้ยังไง “เข้ามาสู่สมาคมฯ ตอนนั้นผมเรียนหนังสือมัธยมต้น ประมาณปีปี 46-47 พระของจังหวัดบุรีรัมย์ถูกบรรจุเข้าสมาคมคนนิยมพระเครื่องพระบูชาไทยครั้งแรกๆ ณ ตอนนั้นผู้ใหญ่เขาจะมองว่าการผลักดันเด็กรุ่นใหม่เข้ามา ผมจึงมีโอกาสได้เป็นกรรมการตัดสินพระครับ”
“ตอนนั้น บางคนเขามองต่างมุม ว่าเรามีประสบการณ์น้อยไม่ควรเป็นกรรมการตัดสิน ก็ค่อนข้างได้รับแรงกดดันจากคนนอก ว่าที่ผมเป็นกรรมการได้เพราะผมมีพ่อมีลุงที่เป็นเซียนมาก่อน แต่จริงๆ แล้วพ่อผมไม่เคยมาสอนหรือชี้จุดต่างๆ ให้ดูนะครับ พ่อมีแต่แนะว่าให้เราดูของแท้ของดีเยอะๆ พ่อผมบอกผมเสมอว่าการที่จะประสบความสำเร็จในศาสตร์ของพระเครื่องมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และทุกวันนี้ผมก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว ว่าวงการพระเขาจะวัดกันที่ประสบการณ์ ไม่ได้วัดกันที่รูปลักษณ์ภายนอกหรืออายุ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ถ้าคุณหมั่นศึกษา ผ่านสนามจริงบ่อยๆ สามารถซื้อขายจบได้ด้วยตาตัวเองคนก็จะยอมรับ ผมยกตัวอย่างเช่นเซียนพระกับคนที่ไปเรียนทางด้านทฤษฎี ที่รู้แต่ทฤษฎีกับคนที่ต้องซื้อขายทุกวันส่องพระทุกวันคุณคิดว่า ใครจะสามารถจะดูพระได้ดีกว่ากัน มันก็ต้องเป็นคนที่ซื้อขายพระเห็นทุกวันถูกไหมครับ และแน่นอนว่าคนก็ต้องไปเช่ากับคนที่ซื้อขายดูพระทุกวันด้วย เพราฉะนั้นการเป็นเซียนพระไม่ใช่แค่คุณศึกษาแล้วจะเป็นได้ มันต้องผ่านประสบการณ์ เพราะอาชีพพระอย่างเราพลาดก็เสียเงินทันที ไม่มีใครมาการันตีให้เรา”
“ดังนั้นสำหรับผม ผมสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเข้ามา เพราะว่า การที่คนจะเก่งขึ้นมาได้ 1 คนจะต้องได้ดูพระแท้เยอะๆ ต้องได้รับโอกาส อย่างผมที่เป็นแม็ก นางรอง ได้ทุกวันนี้ทุกก็เพราะว่าผมได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้เข้ามาดูพระแท้ดูพระหลากหลาย เพราะดูในรูปดูตามหนังสือมันไม่เหมือนนั่งดูองค์จริงครับ ตรงนี้เลยทำให้ผมจุดประกายที่ใจอยากรวบรวมคนรุ่นใหม่ให้เข้าสู่วงการพระเครื่อง แต่ไม่ใช่คุณมีใจรักอย่างเดียวนะครับ แต่จะต้องอนุรักษ์ด้วย”
แล้ว ถ้าคนที่ยังไม่เป็นพระ แต่อยากมาซื้อขาย มาเป็นเซียนพระล่ะ ต้องทำยังไง? “ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าคนยุคนี้ตีความคำว่าเซียนพระกับพ่อค้าพระรวมกัน แต่สำหรับผม ผมมองว่าคนที่เข้ามาในวงการเพื่อซื้อขายเขาคือพ่อค้า แต่อย่างเราๆ ที่ต้องใช้ความชำนาญ สามารถการันตีพระได้ แยกเก๊ในแท้ได้อย่างชัดเจนแบบนี้ผมเรียกว่าเซียนพระครับ ดังนั้นถ้าอยากเป็นพ่อค้าก็ไม่ยากเลยแค่คุณมีกำลังทรัพย์ เช่าจากเซียนที่มีใบการันตีก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณอยากเป็นเซียนพระก็ต้องศึกษาให้มากครับ พยายามซื้อขายได้ด้วยตาตัวเอง”
“สมัยนี้การศึกษาง่าย ไม่เหมือนยุคผมที่ยังไม่มีโลกโซเชียล ยุคผมเป็นยุค analog ยังไม่มีเว็บยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น เวลาเล่นพระคือจะต้องไปเดินสนามตี 3 ตี 4 จะต้องถือไฟฉายไปส่องดูพระซื้อพระ สถานการณ์ก็บังคับให้ดูด้วยตาตัวเอง สมมติถ้าเราศึกษาไม่ดีก็คือพลาด มันทำให้เราต้อง active ต้องศึกษา ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ ผู้สัมภาษณ์ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า แม็ก นางรอง เคยโดนพระเก๊กับเขาบ้างหรือเปล่า? “เคยโดนแน่นอนครับ บ่อยด้วย แต่โดนแล้วก็ทำให้เรากลับมาทำการบ้านมากขึ้น แล้วก็กลับมาดูว่าทำไมเราถึงพลาด พลาดได้ยังไง เอาของแท้มาเทียบมาศึกษาเพิ่มเติม มันก็จะทำให้เราจำฝังใจจำลึกมากยิ่งขึ้นครับ ผมเคยโดนสูงสุดราคาหลักหมื่นครับ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าราคาสูง”
“ส่วนสาเหตุที่โดนนี่ไม่ใช่อะไรครับ เพราะความโลภ อันนี้ต้องยอมเลย ว่าที่ผมโดนเก๊นั่นเพราะความโลภ คือต้องบอกอย่างนี้ครับเซียนพระเวลามีคนเอาผ้ามาขาย ในหัวเขาจะคำนวณไปแล้วว่าเราจะไปต่อได้ไหม ไปได้ในราคาเท่าไหร่? เช่นสมมติมีคนเอาพระมาปล่อย ซึ่งเรามองดูแล้วว่า องค์นี้ราคาประมาณ 50,000 บาท แต่คนขายเราราคา 10,000 บาท ก็ทำให้เราเกิดความโลภแล้วก็จะทำให้เราประสาทมองข้ามบางจุด เพราะกลัวเขาขายคนอื่น พอตัดสินใจซื้อเอากลับมานั่งส่องนั่นล่ะครับ ถึงรู้ว่าโดนเข้าแล้ว”
แล้วเซียนพระจำเป็นต้องมีเงินเยอะไหม? “ไม่จำเป็นเพราะผมตอนนั้นผมเป็นเด็กผมก็ไม่มีเงินเช่าตอนนั้นผมก็ไม่มีเงินเช่า ผมก็อาศัยเกาะกลุ่มคนที่เขาเล่นพระเพื่อจะขอเขาดู ในวงการพระถ้าจะมาศึกษาจริงๆ ผู้ใหญ่ไม่ได้หวงไม่ได้ห้ามนะครับ ตอนนั้นผมก็อาศัยแบบนี้เหมือนกัน แต่คุณต้องมีความกล้าเข้าหาเซียนก่อน คุณต้องคิดไว้เลยถ้าเราไม่มีความกล้าเราก็จะไม่พัฒนา ผมยกตัวอย่างผมตอนเด็ก ผมก็ไม่รู้จักเซียนพระใหญ่ๆ นะผมรู้แต่ว่าในตลาดพ่อจะบอกว่าอาแปะคนนี้มีหลวงปู่สุขเยอะ อาเจ็กคนนี้เก็บหลวงปู่สุขไว้ตั้งแต่สมัยก่อน ผมก็ปั่นจักรยานไปหาเขาได้ไปขอดูพระกับเขา
“เขาก็คงเห็นผมเป็นเด็กแล้วตอนนั้นหลวงปู่สุขก็ไม่แพง พอผมไปขอดูเขาก็ให้พระผมกลับมาดูฟรี อันนี้เกิดจากความกล้าของเรา จำไว้เลยนะครับถ้าคุณไม่กล้าคุณก็จะไม่ได้ความรู้ คนไหนที่คุณคิดว่าเป็นคนที่ดูพระเก่งตามทัศนะของคุณ หรือในสายตาของคุณคุณก็หาได้เลย”
“อีกอย่างแล้วในยุคนี้มีโซเชียล มีให้ดูหรือจะติดตามเยอะครับ อย่างผมก็มีช่อง YouTube ที่คอยบอกเทคนิคในการดูพระโดยเฉพาะสายบุรีรัมย์ต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้”
ท้ายนี้ให้ แม็ก นางรอง ฝากถึงคนที่อยากจะเข้ามาเป็นเซียนพระ ควรทำยังไง? “ผมอยากจะฝากถึงน้องๆ รุ่นใหม่นะครับว่า สิ่งที่ดีงามที่ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆ เขาสอนมาเราก็ต้องดำรงไว้ แล้วก็ท่านใดที่ต้องการที่จะศึกษาศาสตร์พระเครื่องของจังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นพระเกจิหรือว่าพระบูชาเทวรูป จังหวัดบุรีรัมย์เป็นดินแดนปราสาทหิน มีพระบูชาเทวรูปมากมาย ถ้าอยากศึกษาสายนี้ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่จะย้ำว่าขอให้มีใจในการอนุรักษ์ ส่วนการซื้อขายแบบมืออาชีพนั้นก็เป็นได้ แต่เราต้องยึดการอนุรักษ์ด้วยนะครับ ถึงจะทำให้คุณเป็นเซียนพระที่มีคุณภาพ ถ้าคุณมีแนวทางเดียวกันกับเรา ก็สามารถติดต่อผมได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพจแม็ก นางรอง, YouTube : แม็ก นางรอง, tiktok : แม็ก นางรอง หรือไลน์ สามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง หรือจะโทร. 097-937-6655 ผม แม็ก นางรอง ยินดีให้คำปรึกษา
และในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 9-10 พฤศจิกายน 2567 จะมีงานประกวดพระเครื่องเกิดขึ้นที่ดินแดนปราสาทหินถิ่นภูเขาไฟจังหวัดบุรีรัมย์นะครับ สามารถไปพบกันได้ที่งาน งานนี้จัดเป็นงานประกวดพระฯ ท้องถิ่น พระเครื่องในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงครับ อย่าลืมมาร่วมงานกันนะครับ