พระอาจารย์เด่นดวง ติสฺสโร นามเดิมชื่อ เด่นดวง สัตวุธ เกิดวันที่ 27 ธันวาคม 2518 ที่บ้านหวายหลึม ตำบลมะบ้า อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มอุปสมบทครั้งแรกปี 2539 วัดโกศลรังสฤษฎ์ ตำบลอุ่มเม่า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระครูธวัชชัยคุณ เจ้าคณะอำเภอธวัชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาคำหล้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาทองจันทร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากบวชได้ 1 ปี ได้ไปศึกษาพระอภิธรรมที่มูลนิธิแนบมหานีรานนท์ พุทธมณฑลสาย 5 จนได้นักธรรมโท ควบคู่กับการศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาจากฆราวาสหลายท่าน อาทิ อาจารย์คำมี ราช่อง หรืออาจารย์แก้ว โดดเด่นด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน มหาเสน่ห์ อยู่ที่อำเภอธวัชบุรี เรียนอยู่กับอาจารย์แก้วประมาณ 2 ปี จากนั้นอาจารย์แก้วได้แนะนำให้ไปเรียนกับอาจารย์ของท่านอีกทีหนึ่ง ชื่ออาจารย์คำมา หงส์ทอง ก็ไปยกครูเรียนกับพ่อคำมาเป็นอาจารย์ตั้งแต่นั้นจวบจนถึงวันที่อาจารย์เสียชีวิต วิชาที่เรียนกับพ่อคำมานั้นมีตั้งแต่ เรียนเขียนยันต์ เสก เป่า คาถาอาคม นอกจากนี้ยังเรียนกับ พ่อทองแดง เสนาภักดิ์ และยังได้ออกธุดงค์เพื่อไปศึกษาศาสตร์พุทธาคมจากฝั่ง สปป.ลาว กับพ่อใหญ่คำตัน ที่แขวงบอลิคำไซ ที่ภูเขาควายด้วย
ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจวบจนกระทั่งสำเร็จ จากนั้นปี 2544 ก็ลาสิกขาออกมา เพราะอยากทดสอบวิชาที่ร่ำเรียนมา เนื่องจากอยู่ในเพศบรรพชิตไม่สามารถที่จะลองวิชาได้ จึงสึกออกมา พอสึกออกมาได้ 2 ปีกว่า พี่สาวก็อยากให้ไปอยู่เยอมันด้วย จึงคิดจะหาภรรยาให้ แต่พระอาจารย์เด่นดวงนั้น ปฏิเสธ ด้วยความเป็นห่วงพี่สาวก็ยังคงรบเร้าอยู่เสมอ สุดท้ายอาจารย์เด่นดวงในเพศฆราวาส จึงตัดสินใจออกบวชอีกครั้ง จึงเดินทางไปหา พระอาจารย์สะอาดที่วัดท่าสะแบง ท่านจึงเป็นเจ้าภาพให้บาตรให้ และเมื่อพระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบง พอทราบข่าวก็ได้นำผ้าไตรจีวรมาให้
ส่วนมูลเหตุที่พระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบงนำมาให้นั้น เนื่องจากพระอาจารย์เด่นดวง และพระอาจารย์ต้อมนั้น ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวิชาตั้งแต่สมัยที่พระอาจารย์ต้อมยังบวชเป็นเณร ขณะที่พระอาจารย์เด่นดวงบวชเป็นพระในคราวแรก จึงเป็นสหธรรมิกกันเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน
เมื่อได้เครื่องอัฐบริขารในการบวชครบแล้วพระครูสุทธิวโรภาส(สะอาด ปภสฺสโร,ศิริสาร) รองเจ้าคณะอำเภอทุ่งเขาหลวง เจ้าอาวาสวัดท่าสะแบง จึงอุปสมบทครั้งที่ 2 ให้ ณ พัทธสีมาวัดบ้านหวายน้อย โดยท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับยาว่า ติสฺสโร
หลังจากบวชครั้งที่ 2 พระอาจารย์เด่นดวงยังเสาะแสวงหาพระเกจิอาจารย์เพื่อเล่าเรียนสรรพวิชาเรื่อยมา จนได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนวิชากับอาจารย์อำนวยพร ที่บ้านหาดดอกแก้ว ที่เวียงจันทน์ ซึ่งท่านเป็นคนพาไปที่ถ้ำภูเขาควาย พร้อมกับอาจารย์สายัณ วัดโนนนารี สหธรรมิกที่ธุดงค์ด้วยกัน เพื่อฝึกปฏิบัติเจริญจิตภาวนากรรมฐาน
ภูเขาควายนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ต่างดั้นด้นเพื่อไปลองวิชากัน พระอาจารย์เด่นดวงก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เดินทางไปที่ถ้ำภูเขาควาย โดยไปครั้งแรกกับพระอาจารย์ติ๊ก สหธรรมมิกแห่งวัดดาวดึงค์ ซึ่งอาจารย์ติ๊กเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ท่านว่าที่ภูเขาควายจะมีเหล็กไหลตาน้ำ จึงลองมองหากันกระทั่งได้พบกับกลุ่มควันก้อนหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นก็มีลูกควันอีกหลายก้อนค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงมองหาว่ากลุ่มควันนั้นมาจากที่ใด ก็พบว่าควันออกมาจากฝ่ามือของตนเอง ก่อนจะพรั่งพรูออกมาจากแขน ขา และตลอดทั่วทั้งลำตัวเป็นสายเป็นที่น่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังค้นพบว่ามีลำธารเล็กๆ สายหนึ่งก็มีควันพวยพุ่งออกมาเช่นกัน จึงเอามือล้วงลงไปในลำธาร กำหินขึ้นมาดู หินเหล่านั้นก็มีควันลอยคลุ้งฟุ้งขึ้นเหมือนไอน้ำขาวโพลนชัดเจนในความมืดสลัว
หลังจากค้นพบจุดนี้ก็ตัดสินใจเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ เพราะอยากรู้ว่าถ้ำนี้จะไปสุดที่ใด จนกระทั่งทะลุถึงยอดถ้ำจากนั้นก็เดินลงมา ในระหว่างที่เดินลงมานั้นก็ได้พบเข้ากับความประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อได้พบกับหินสีประหลาด จึงหยุดพิจารณา แล้วก็พลันนึกถึงคำบอกเล่าของพ่อใหญ่คำตันที่ว่า “ถ้าเห็นหินรูปร่างเหมือนน้ำตาเทียนสีแดงให้เอามาไว้บูชาได้เลย เค้าเรียกว่า หินเลือดควาย
ระหว่างที่เดินกลับที่พื้นมีแต่หินพวกนี้ทั้งนั้นเลย แต่พระอาจารย์ไม่ได้เอาหินเหล่านั้นกลับมาด้วย แต่ก็มีอยู่ก้อนหนึ่งซึ่งพ่อใหญ่จ้ำเคยบอกว่า ถ้าหินไหนเหมือนรูปพระแสดงว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ในถ้ำเขาให้ พระอาจารย์เด่นดวงจึงนำมาเพียงก้อนเดียวที่มีรูปร่างเหมือนพระเท่านั้น
หลังจากครั้งนั้นพระอาจารย์เด่นดวงยังคงเดินธุดงค์ไปที่ภูเขาควายครั้งที่ 2 กับสหธรรมิกอีกรูป คือพระอาจารย์ณัฐพล วัดภูพระ ก็ยังพบกับควันและลำธารที่มีหินเช่นเดิมอยู่ และในครั้งที่ 3 ที่ภูเขาควายก็ได้พบกับเรื่องอัศจรรย์อีกครั้ง โดยครั้งนี้ไปกับ หลวงพี่จวบ ก่อนไปได้พูดคุยกับพระอาจารย์ต้อม เรื่องเหล็กไหลที่มีคนกล่าวขวัญถึงในถ้ำภูเขาควายแห่งนั้น ซึ่งพระอาจารย์ต้อมได้ให้ตลับสีผึ้งที่เป็นของหลวงปู่ มาหนึ่งตลับ พร้อมทั้งบอกว่า หากที่ถ้ำนั้นมีเหล็กไหลจริงอย่างที่คนล่ำลือ ให้เปิดตลับสีผึ้งนี้เดี๋ยวเหล็กไหลจะไหลมาอยู่ในตลับสีผึ้งนี้เอง และเมื่อไปถึงที่ถ้ำภูเขาควาย จึงลองนั่งสมาธิ พร้อมทั้งท่องคาถาภาวนาเรียกเหล็กไหล ที่เคยเรียนมาสมัยบวชครั้งแรก แต่ไม่เคยได้ใช้ จึงถือโอกาสลองในคราวนี้โดยไม่บอกให้ใครทราบ แต่สวดไปได้ไม่นานก็ตัดสินใจยุติ เนื่องจากเกิดความรู้สึกไม่อยากได้ฉับพลัน กลัวได้มาแล้วจะทำให้เกิดปัญหาตามมา จึงหยุดบริกรรมคาถา เมื่อลืมตาขึ้น ลูกศิษย์ที่ไปด้วยก็สอบถามว่า ในระหว่างที่กำลังสวดภาวนาอยู่นั้นเขาได้ยินเสียงอะไรไม่รู้กลิ้งลงมา แต่พออาจารย์ตาเสียงนั้นก็หยุด
สาเหตุที่ไปภูเขาควายนั้นเพราะครูบาอาจารย์หลายท่านต่างก็ไป หากไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงครูบาอาจารย์คงไม่เดินทางไป ไม่ได้อยากมี อยากได้ ของวิเศษที่มีในนั้น นอกจากนี้ก็อยากไปอธิษฐานให้กับเทวดาที่อยู่ภูเขาควาย เพราะในทุกครั้งที่อาจารย์ทำวัตถุมงคลก็จะขอเทพยดา เทวดาอารักษ์ที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ภูเขาควายมาช่วยเสริมทุกครั้ง จึงเดินทางไปที่นั่นเพื่ออธิษฐานจิตเจริญภาวนา นอกเหนือจากทำบุญอุทิศส่วนกุศล
เดิมนั้นพระอาจารย์เด่นดวงอยู่ที่วัดป่าโนนเดื่อ บ้านหวายหลึม จากนั้นเจ้าอาวาสวัดน้อยสามัคคีธรรมมรณภาพลง วัดแห่งนี้จึงเริ่มรกร้าง ชาวบ้านจึงไปนิมนต์พระอาจารย์เด่นดวงมาจำพรรษา ปัจจุบันพระอาจารย์เด่นดวงจึงดำรงตำแหน่งรักษาการวัดน้อยสามัคคีธรรม คอยทำนุบำรุงวัดเรื่อยมา
วัตถุมงคลของพระอาจารย์เด่นดวงมีหลายรุ่นด้วยกัน โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2539 อาทิเช่น ตะกรุดแจกผ้าป่า เป็นตะกรุดโทน ปัจจุบันหาไม่ได้แล้ว เพราะอาจารย์สร้างจำนวนน้อย สร้างเพื่อมอบให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ใช้ติดตัวเท่านั้น จากนั้นก็ทำเรื่อยมาแต่ไม่มาก จนสร้างเหรียญครั้งแรกปี 49 โดยยุคแรกที่สร้างเหรียญนั้นคือเหรียญแปดเหลี่ยม โดยได้รูปแบบการสร้างมาจากพระคาถาที่ร่ำเรียนมา คือคาถาพระกรณีองค์ต้นแปด แต่ละเหลี่ยมจะเป็นหนึ่งคาถาที่ซ่อนอยู่ในนั้น จากนั้นก็สร้างเหรียญห้าเหลี่ยมบูชาครู พ่อคำมา หงส์ทอง แต่รุ่นที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศก็จะเป็นเหรียญมหาปทุมจักร จารหน้าหลังเต็มสูตร และยังมีตะกรุดเทวดารักษา ที่เฮียมังกร หนึ่งในคณะศิษย์ซึ่งเป็นชาวต่างชาติเผชิญประสบการณ์มาด้วย ซึ่งหลังจากเข้ากราบพระอาจารย์เด่นดวง แล้วพระอาจารย์ได้มอบตะกรุดให้ก็เหมือนมีเทวดาคอยดลบันดาลให้สิ่งที่อธิษฐานสำเร็จโดยพลัน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เคยได้รับตะกรุดไปใช้ เป็นช่างไฟฟ้าแล้วถูกไฟช็อตแต่กลับไม่เป็นอะไร สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จนต้องเสาะหาตะกรุดเทวดารักษาไปครอบครอง
ปัจจุบันกำลังจัดวัตถุมงคลสร้างรุ่น 4 รอบ ในวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันอายุวัฒนะมงคลของพระอาจารย์เด่นดวง ติสฺสโร โดยได้มอบหมายให้ ชัย อำนาจเจริญ ประธานกรรมการบริหารสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมทีมงาน ร่วมจัดสร้างเหรียญขึ้น เพื่อนำรายได้จากการบูชามาบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดน้อยสามัคคีธรรม ซึ่งทางผู้ได้รับอนุญาตก็ได้มอบให้พระอาจารย์เด่นดวง ติสฺสโรไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2566 ณ วัดน้อยสามัคคีธรรม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
สำหรับวัตถุมงคลรุ่นนี้นั้น พระอาจารย์เด่นดวง ให้จัดสร้างเป็นรูปแบบล็อกเก็ต ประกอบด้วย ล็อกเกต รูปสี่เหลี่ยม และรูปไข่ มี 2 ขนาด คือใหญ่และเล็ก 4 สี ด้านหลัง ปิดแผ่นทองคำ แผ่นเงิน แผ่นสเตนเลส
ผู้ที่สนใจอยากบูชาสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ชัย อำนาจเจริญ 085-300-7545, น้องปุ้ย ชุตินันท์ 0985487379, เอ๋อุบล พระใหม่ 099-235-1697, บอย กุดชุม 084-7659261, เฮียมังกร 084-915-6566, เอ ทิพพมนต์ 080-3156989