เกร็ดชีวิตคนดัง

พัด เทพอวตาร ประธานกรรมการบริหารสมาคมฯ จังหวัดสระแก้ว หญิงแกร่งของวงการพระ

%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%94-%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%9e%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%81

          ปัจจุบันหากพูดถึงเซียนพระหญิง แน่นอนว่า จะต้องมีชื่อของคนดังท่านนี้ติดโผอย่างแน่นอน วันนี้เกร็ดชีวิตคนดังมีโอกาสได้ใกล้ชิดคนดัง รวมถึงสัมภาษณ์ เซียนหญิงแกร่ง หนึ่งเดียวที่ได้รับความไว้วางใจจาก คุณพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสระแก้ว คนดังในวันนี้คือ….

ปิยฉัตร ขาวดี หรือ พัด เทพอวตาร
ถ้ามีศรัทธา รักในสิ่งที่ทำ เราก็มีความสุข ส่องพระทั้งวันก็ส่องได้
ยิ่งรักยิ่งศึกษาจนถ่องแท้ มี สิ่งเหล่านี้ ใครๆ ก็สามารถเป็นเซียนพระได้…

         ก่อนจะมาเล่นพระพี่ทำมาหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น Marketing หุ้น เป็น Producer รายการ แล้วก็เป็นเซลล์ขายเครื่องจักรกลค่ะ หลังจากนั้นก็มีช่วงที่คิดจะทำธุรกิจส่วนตัว ช่วงจังหวะที่รอนั้นพี่ว่างก็เลยมาเดินเล่นศูนย์พระ ที่ พันธุ์ทิพย์ เดินดูพระและพระองค์ไหนที่ชอบก็เช่าเก็บ จริงๆ พี่เป็นคนที่ชอบพระเครื่องมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เน้นเก็บสะสมตามความชอบ ไม่ได้เน้นสายใดสายหนึ่ง ก็เก็บไปเรื่อยๆ 

แต่ถ้าถามว่าชอบพระองค์ไหน? หลวงพ่ออะไร? พี่ชอบสมเด็จวัดระฆัง ชอบในพิมพ์พระ รูปแบบพระ ช่วงที่พี่เดินตลาดพระ ศูนย์พระนั้น พี่เก็บสมเด็จวัดระฆังเยอะมากแต่ไม่เคยเจอแท้เพราะเรายังมือใหม่อยู่ ก็ไม่รู้เรื่องเห็นว่าเป็นสมเด็จวัดระฆัง แล้วเราชอบก็เช่าเก็บ ก็เดินเก็บอยู่แบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนมีคนบอกว่าอย่าไปเก็บเลย พระสมเด็จ วัดระฆังหาแท้ยาก ถ้าอยากได้ก็เก็บเงินไปเช่าแพงๆ ไปเลย แต่เราก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น แล้วพี่ก็เดินบนพันทิพย์อยู่แบบนี้เรื่อยๆ จะมาเริ่มเดินดูจริงๆ จังๆ ก็ช่วงจตุคามรามเทพกำลังดังๆ
ตอนนั้นพี่เก็บเจดีย์รายเก็บสะสมเพราะเราเป็นนักสะสม จนมี ญาติซึ่งเป็นลูกพี่น้องน้องกัน เขารู้ว่าพี่ชอบเก็บสะสมพระ ก็มาถามถึงพระที่พี่เก็บสะสมอยู่ แล้วก็พูดถึงจตุคาม รุ่นเจดีย์รายว่าคนกำลังเล่นกันมีการซื้อขายกันอยู่ พี่ก็เลยไปเดินดูตามตู้พระถึงเข้าใจว่าอ๋อ…พระที่เราเก็บกำลังดัง กำลังเล่นหากัน

อย่างที่บอกพี่เก็บสะสมอย่างเดียวพี่ไม่ได้ซื้อขายพี่ก็ไม่รู้เรื่องพุทธพาณิชย์เลย เพราะพี่เน้นเรื่องพุทธคุณและความชอบส่วนตัว ในหัวตอนนั้นไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาขายพระเลยด้วยซ้ำ เจอพระองค์ไหนชอบก็เก็บเห็นแบบไหนสวยพี่ก็เก็บหมดเดินเก็บพระไปเรื่อย พอจตุคามดังมากๆ พี่ก็เก็บองค์จตุคามรามเทพ รุ่น พุทไธศวรรย์ ก็เลยมีโอกาสได้รู้จักกับน้องที่เขาเล่นจตุคามของพุทไธศวรรย์อยู่


แล้วก็มีเหตุอยู่ว่าพี่อยากจะเช่า พระหลวงปู่ทิม จำได้ว่าน่าจะเป็นเจริญพรบน ทองแดง ราคาประมาณแสนกว่าบาทแล้วตังค์พี่ไม่พอ พี่ก็เลยคิดว่าเรามีพุทไธศวรรย์อยู่ ก็เลยบอกน้องคนที่สนิทกันเอาไปให้คนที่จะเช่า แต่ก่อนไม่เคยคิดที่จะขายพระพี่มีแต่เปลี่ยน แบบเอาพระไปแล้วก็เพิ่มตังค์เอา ตอนนั้นพี่จำราคาไม่ได้แต่พี่ก็ขายให้เขาไปใน ลดราคาลงมาจากราคาตลาดที่เขาเล่นกันอยู่ตอนนั้น คนที่เขาจะซื้อเขาบอกว่าไม่ได้ เขาก็ต้องซื้อในราคาลดลงมา 20% หรือ 25 % พี่ก็รู้สึกเฮ้ยทำไมเป็นแบบนี้เหมือนเราโดนเอาเปรียบ..เพราะตอนที่พี่ซื้อพี่ก็ซื้อมาในราคาตลาด และบางทีมีคนมาแนะนำให้ซื้อพี่ยังไม่เห็นพระพี่ชอบรูปแบบก็ตัดสินใจซื้อก็มี แต่พอเราจะขายเขากลับขอลดเปอร์เซ็นต์เราตั้งเยอะพี่เลยรู้สึกว่าเหมือนเราถูกเอาเปรียบ ก็คิดว่าถ้าเราไม่สบายใจงั้นก็ไม่ต้องขาย


จากนั้นก็มีพี่คนหนึงเขาบอกว่า ถ้าจะขายให้มาขายเขา เขารับซื้อราคาที่พี่ขายในตอนแรก แต่สุดท้ายน้องคนที่สนิทกันเขาก็มาเช่าไปก่อน ก็เลยได้ซื้อเจริญพรบน หลวงปู่ทิม หลังจากเหตุการณ์นี้พี่มานั่งนึกถึงเรื่องขายพระ เหมือนมันยังติดใจพี่ และจังหวะที่พี่คนหนึ่ง มีตู้พระอยู่ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน เขาว่าง เพราะแกจะกลับบ้านและเลิกขาย เขาจะให้เรามาเช่าที่ตู้เขาต่อ ตอนนั้นราคาตู้ 5,000 พี่กับน้องก็เลยคุยกันว่าเอาไหมมาแบ่งกันคนละครึ่งก็จะตกคนละ 2,500 เราก็มีพระเยอะก็ลองเอามาวางดู


พอมาเปิดตู้พี่ก็เลยเอาพระมาลองวางตู้ด้วยกันกับน้อง รู้สึกจะเริ่มต้นกันเมื่อตอน ช่วงประมาณจตุคามเริ่มขาลงแล้ว พี่เช่าอยู่กับน้องก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง แล้วก็บางครั้งมีลูกค้าจะมาซื้อแต่พี่ไม่อยู่ร้านก็ไม่ได้ซื้อ-ขายกัน แต่พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากพี่คิดแค่ว่า ลองเอาพระมาวางตู้ไว้เฉยๆ ขายได้ก็ได้ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไรลองดูกับน้อง เราก็มีงานทำอยู่และชอบ แต่พอเริ่มมาขายพระก็จะรู้ว่า เมื่อเรามาเป็นผู้ค้าเราก็จะได้ราคาผู้ค้าด้วยกัน ถ้าเราเป็นผู้ซื้อแล้วก็จะถูกราคาของผู้ซื้อทำให้ก็เริ่มเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้ามาเล่นพระเต็มตัวนะ แค่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น

          พักหลังมาน้องที่พี่ไปเลี่ยมพระด้วยเขารู้ว่าพี่เปิดตู้พระอยู่ ก็อยากจะเปิดศูนย์พระ ช่วงยุคนั้น งามวงศ์วานกำลังแรงเซ้งตู้แพง ค่าตู้ก็แพง เขาสู้ไม่ไหว เห็นว่าที่พันธุ์ทิพย์ บางกะปิกำลังจะเปิดศูนย์พระก็คุยกัน และบอกว่าถ้าพี่ไปดูแล้วมีตู้ว่างให้บอกเขาด้วย พี่ก็เลยลองชวนน้องที่เปิดตู้ด้วยกันเนี่ยไปดูที่พันทิพย์ บางกะปิ บังเอิญว่าผู้จัดการศูนย์ เขาเคยเป็นคนขายจตุคามที่พี่เคยไปซื้อกับเขา พอเขารุ้ว่าพี่มาดูตู้พระ ซึ่งตอนนั้นมีคนจองตู้พระจะเต็มแล้ว แต่มีห้องว่างอยู่หนึ่งห้องจะเอาไหม ตอนแรกพี่ก็ยังลังเลอยู่ เพราะพี่รู้สึกว่าพี่ไม่ค่อยได้มาถ้าเปิดเป็นห้องเนี่ยมันแพง ถ้าเป็นตู้นี้มันจะถูกกว่า ผู้จัดการก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเขาจะแบ่งกั้นห้องให้ พี่ก็เปิดครึ่งนึงและอีกครึ่งหนึ่งพี่ก็ไปปล่อยเช่า พี่ก็เลยตกลงแล้วก็เปิดศูนย์พระที่พันทิพย์บางกะปิจริงจัง ไปทุกวันเลย

          พี่จำได้ว่าในตู้พระพี่จะวางหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง, องค์จตุคามรามเทพ แล้วก็หลวงปู่หมุน พูดถึงหลวงปู่หมุนนี่พี่ขอเท้าความไปว่า หลวงปู่หมุนเมื่อปี 45 พี่เคยไปกราบท่านแล้วหลวงพี่สุรัตน์ที่วัดระฆัง บอกพี่ว่าพระเกจิรูปนี้ท่านดีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถ้ามีเวลาให้ไปกราบท่าน หาพระเกจิแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ตอนนั้นท่านใกล้จะอาพาธ หรืออาพาธอยู่นี่แหละ พี่ก็เตรียมว่าจะไปแต่กลับไม่มีโอกาสได้ไป แล้วช่วงที่เดินตลาดพระพี่ก็เลยเก็บวัตถุมงคลของหลวงปู่หมุนเยอะมาก ยุคนั้นคนเล่นหลวงปู่หมุนยังไม่เยอะ เรียกได้ว่าพี่มีมากอันดับต้นๆ เลย

          พอมาเปิดตู้พระ พี่ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวลองเอาหลวงปู่หมุนมาวางดูเพราะยังไม่มีใครวาง เชื่อไหมช่วงแรกที่เปิด พอคนมาเห็นพี่วางพระก็ถามหลวงพ่อไร พอพี่บอกหลวงปู่หมุนคนก็วางแล้วก็เดินผ่านไป ช่วงนั้นหลายๆ คนก็คงคิดว่าพี่จะเจ๊งแน่ เพราะว่ามีแต่คนเดินผ่านแต่ส่วนตัวพี่ไม่ได้คิดอะไร พอหลังจากนั้นไม่นานคนที่เล่นสายหลวงปู่หมุนที่เขามาเดินพระเขาก็เห็นว่าตู้พี่มีหลวงปู่หมุนก็เลยมีแวะเวียนมาหาบ้าง จนมีศิษย์สายของหลวงปู่หมุนแวะเวียนมาอยู่ตลอด นี่คือเรื่องราว ความเป็นมา และเป็นจุดเริ่มต้นที่พัด เทพอวตาร เริ่มซื้อ-ขายพระจริงจัง

          เมื่อถามว่า…แล้วจุดเริ่มต้นที่ทำให้ พัด เทพอวตาร เข้ามาในวงการพระเครื่อง เป็นคณะกรรมการรับและตัดสินโต๊ะหลวงปู่หมุน ล่าสุดได้รับตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาจังหวัดสระแก้ว มีความเป็นมาอย่างไร… พัด เทพอวตาร ตอบว่า พอพี่เริ่มมีร้าน ก็มีคนรู้จักมากขึ้น เมื่อก่อนหลวงปู่หมุนจะมีประกวดแต่ในต่างจังหวัด คนก็พูดกันว่าถ้าหลวงปู่หมุนได้จัดในกรุงเทพน่าจะดีนะ แต่คนที่เขาเล่นหลวงปู่หมุนเนี่ยเขาก็ไม่ได้เข้ามาที่สมาคมฯ จังหวะนั้นด้วยความที่ พี่เป็นญาติกับ เสธ.นิคม ก็สนิทสนมกันพอสมควรบังเอิญได้มาเจอกัน เสธ.นิคมก็เล่าว่าจะจัดงานประกวด ในกรุงเทพฯ และเป็นงานที่ผ่านสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย พี่ก็เลยขอให้มีโต๊ะหลวงปู่หมุนด้วยหนึ่งโต๊ะ

         พอใกล้วันงานประกวดพระพี่เขาก็โทรเข้ามาขอรายชื่อกรรมการ และให้เขียนรายการพระส่งให้ ก่อนหน้านั้นพี่เคยให้คนที่เขาเคยจัดประกวดของหลวงปู่หมุนอยู่ส่งรายการพระประกวดเข้ามาแต่ไม่รู้เพราะอะไร เขาอาจจะลืม ประกอบกับช่วงนั้นรองระพินกำลังดังในสายหลวงปู่หมุน เพราะว่าไปซื้อเหล็กน้ำพี้ ซึ่งเป็นพระที่แพงที่สุดในช่วงนั้น และน่าจะเป็นเหรียญที่สวยที่สุดในวงการ ท่านดังในกลุ่มหลวงปู่หมุนมาก แล้วรองระพินก็ฝัน ว่าถ้าอยากเผยแพร่บารมีของหลวงปู่หมุนให้ท่านทำหนังสือ ท่านก็หาพระมาลงหนังสือ ตอนนั้นพี่เป็นคนที่เก็บ หลวงปู่หมุนวัดซับลําใยซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องของวัดซับลำใยเลย ท่านก็เลยมาหาพี่ นั่นล่ะจึงทำให้เริ่มรู้จักกัน

          พอคุยกันพี่ก็เลยบอกว่าจะมีโต๊ะตัดสินหลวงปู่หมุน ในงานประกวดพระ เลยคุยกันกับท่านว่าให้ช่วยกันหากรรมการโต๊ะหลวงปู่หมุน โดยมีท่านเป็นประธานโต๊ะ ส่วนรายการประกวดพี่จะเขียนให้ ตอนแรกพี่ว่าจะไม่เป็นกรรมการ เพราะไม่ได้อยากจะเป็นกรรมการเลย แต่คุยไปคุยมา พี่ก็เลยตัดสินใจว่า ถ้าอย่างนั้นงานแรกพี่จะเข้ามาเป็นกรรมการให้ละกัน ส่วนงานต่อไปค่อยว่ากันไปแต่กลับกลายเป็นว่า… ไปๆ มาๆพี่ก็เป็นยาวมาจนถึงทุกวันนี้ รองพระพิน ท่านเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อหลวงปู่หมุนมาก ก็เลยก่อตั้งมูลนิธิหลวงปู่หมุนขึ้นมาโดยมีท่านเป็นประธานและมีพี่เป็นเลขา ร่วมช่วยกันก่อตั้งมูลนิธิ ควบคู่กับดูแลโต๊ะตัดสินหลวงปู่หมุน เพื่อเผยแพร่หลวงปู่หมุน และนี่คือจุดเริ่มต้นให้มีโต๊ะของหลวงปู่หมุน แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการพระอย่างเต็มตัวของ พัด เทพอวตาร ด้วย

         ด้วยความที่พี่เซียนพระหญิง และยังได้ตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร สมาคมฯ สาขาจังหวัดสระแก้ว เคยมีความรู้สึกกดดันใหม? พัด เทพอวตาร เล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้มว่า “ใจพี่ไม่เคยคิดที่จะเป็นเซียนพระแต่แรก เพราะพี่ก็มีงานและพี่ก็เป็นผู้หญิง เราต้องมองมุมหนึ่งนะว่าสังคมเซียนพระคนนอกที่มองเข้ามา เขามักจะได้ยินกันว่า สังคมวงการพระน่าจะมองว่าเป็นมาเฟียกันด้วยซ้ำ แต่พี่บอกได้เลยว่า ตั้งแต่พี่เริ่มเข้ามาในวงการ เซียนพระผู้ชายบางคน ดีกว่าคนที่ทำงานใส่สูทผูกไท้ อีก เซียนพระจะมีความเป็นพี่เป็นน้องมากกว่า และทุกคนไม่เคยมองว่าเป็นหญิง หรือชาย ทุกคนเท่าเทียมสามารถเป็น เซียนพระได้หมด ขอแค่เริ่มต้นคือคุณชอบ มีความรู้ ศึกษาให้ถ่องแท้ และรู้จริง ทุกคนก็ยอมรับ โดยส่วนตัวพี่นะในเรื่องการมองดูพระ บางทีผู้หญิงยังมีความละเอียดมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะผู้หญิง มีความใส่ใจในลายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ ในจุดมากกว่าด้วยซ้ำ”

          คนนอกวางการผู้หญิงก็จะไม่กล้าเข้ามาในวงการพระ เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชาย แต่พอได้เข้ามาแล้วมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่คิดเลย เซียนพระบางคนหน้าตาอาจจะดูดุๆ แต่กลับใจดีมีความเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แล้วส่วนใหญ่คนชอบมองว่าคนที่มาเป็นเซียนพระ คือ พวกที่ไม่มีความรู้ซึ่งในสมัยก่อนเขาจะมองเป็นแบบนั้น แต่พี่อยากจะบอกว่าในวงการเซียนพระหลายๆ คนเรียนสูงๆ เยอะมาก แล้วคนที่มาเป็นเซียนพระได้นะ ต้องมีความจำดี ใน 1 เหรียญจะต้องจำตำหนิหลายๆ จุดให้ครบ ซึ่งคนที่จะมาเป็นเซียนได้นี่ต้องมีความชำนาญและเก่งจริงๆ

          หลักในการยึดถือในการเล่นพระของ พัด เทพอวตาร คือ คุณต้องมี ความศรัทธาก่อนเพราะถ้าเรา ศรัทธา พระราคาจะลงจะขึ้น เราก็จะไม่รู้สึกสะเทือนอะไร เพราะเราศรัทธาแต่ถ้าเกิดเราไม่ศรัทธาถ้าหากมีการซื้อขายแล้วราคาลงเราก็จะรู้สึกไม่ดีแล้ว ถ้าเราศรัทธาก่อนแล้วปาฏิหาริย์มันก็เกิด พี่เชื่อนะว่าสิ่งพวกนี้มันมี แต่เราพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ดูอย่างพี่ไม่ใช่คนอีสานทำไมพี่ถึงมาอยู่สายหลวงปู่หมุน พี่ก็คิดว่าอาจจะเป็นบุญที่เราเคยทำร่วมมาในอดีตชาติ กับเกจิรูปนี้มาก็ได้ เกจิในประเทศไทยมีเยอะมากแต่ทำไมถึงได้จุดให้มาเชื่อมโยงกับท่าน นอกจากศรัทธาแล้วสำคัญเราต้องรัก ชอบในพระเครื่องเป็นทุนด้วย ถ้าเรามีความชอบพระองค์หนึ่งส่องทั้งวันแล้วก็มีความสุข ถ้าเราเรียนรู้ในสิ่งที่เราชอบเราก็จะจำง่าย ทำไปมันก็มีความสุข ถ้าเราไม่ชอบมันก็จะไม่จำ

          ส่วนการดูพระคนอื่นเขาจะดูเก๊ด้วยแท้ด้วย แต่สำหรับพี่คิดว่าให้ดูแท้อย่างเดียว จำแต่แท้เท่านั้น จำได้ว่าช่วงที่พี่เดินตลาดพระเดินตามตู้พี่เจออยู่คนนึง จำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไรนานแล้ว พี่ถามว่าพระเก๊ดูยังไง จุดไหนถึงเรียกว่าเป็นพระเก๊ คิดว่าคือเราดูพระแท้แล้วก็ต้องดูของเก๊ด้วยเพื่อดูตำหนิ แต่เขากลับบอกพี่ว่าอย่าไปส่องพระเก๊ ให้ส่องแต่พระแท้ เพราะเวลาเราส่องเราจะ Memory ความจำ ไว้ในหัว ถ้าเรารับทั้งเก๊และแท้เข้ามามันก็จะมี 2 ฝั่งอาจจะทำให้เราสับสนได้ แต่ถ้าเราดูและส่องแต่พระแท้อย่างเดียวในหัวเราก็จะจำแต่ พระแท้เท่านั้น ถ้ามีพิมพ์ไหนที่เข้ามาแล้วผิดปกติจากตาเรา เราก็จะมีความรู้สึกว่ามันสะดุดตา ทำให้เราลังเลสามารถตัดออกไปได้เลย ดูของแท้ให้มันชินตา ถ้ามีพิมพ์ไหนที่หลุดจากของแท้ปุ๊ป ก็สามารถตีเก๊ไปก่อนได้เลย ถ้ามีพระมาวางอยู่รวมๆ กัน มีทั้งเก๊และแท้ปนกันอยู่ตรงหน้า เรามองดูก็จะต้องมองเห็นของแท้ก่อน เพราะสมองเราจำแต่ส่วนของพระแท้เท่านั้น!!

          การที่อยู่ในวงการพระนี้ได้นานและประสบความสำเร็จ พัด เทพอวตาร มองว่า การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมาจากการที่เรามีใจรัก ถ้าเรารักในวงการพระ ไม่ว่าเราจะอยู่วงการไหนถ้าเกิดเราไม่มีความรัก ไม่มีความสุขในการอยู่ งานประกวดพระนี้ถ้าเราไม่รักนี่มันเหนื่อยนะ เรารักเราก็จะรู้สึกว่าเราทำเพื่อวงการพระ เพื่อสมาคม เพราะเรามาอยู่ในนี้เราอยู่ภายใต้สมาคมฯ อะไรก็ตามที่ทำให้ใจรักพี่ว่าจะมีความสุข ถ้าเกิดทำแล้วไม่มีความสุขก็อย่าไปทำ “ให้ทำด้วยใจรักและรักในสิ่งที่เราทำด้วย 2 อย่างนี้คู่กันไป “

          ส่วนคนภายนอกที่มองว่าวงการพระไม่ดีนั้น พี่ว่าอยากให้ลองเข้ามาดูลองเข้ามาสัมผัส วงการพระไม่ได้น่ากลัว คนต่างหากที่น่ากลัว อย่าไปฟังเขาเล่ามาต้องลองเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองก่อน วงการพระเครื่องทุกคนช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นพี่เป็นน้องกัน อย่างถ้าหากว่าเราไปจังหวัดไหนแค่เพียงเรายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาเขาก็พร้อมจะมา หากเราต้องการความช่วยเหลืออย่างเช่นถ้าสมมุติรถพี่เสีย หรือมี Accident เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัดเซียนพระก็จะมาช่วยเหลือกัน

          พี่ไม่รู้ว่าใครจะมองวงการเป็นแบบไหน ยังไงแต่เท่าที่พี่มาสัมผัสพี่ว่าวงการพระดีและมีมิตรภาพที่ดีมีความเป็นพี่เป็นน้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่างวงการอื่นนี่เราทำธุรกิจแล้วก็คือจบแต่วงการพระนี้นอกจากธุรกิจก็ยังมีความเป็นพี่เป็นน้อง

          หากเรามองในมุมธุรกิจในวงการพระ ทุกวงการธุรกิจมันต้องมีคนไม่ดีปะปนมาบ้าง จะมาบอกว่าคนนั้นเหลี่ยมคนนี้เหลี่ยมแล้วก็เหมารวมไม่ได้ แต่ละคนก็จะมีเหลี่ยมมีมุมของแต่ละคนอยู่แล้วไม่เหมือนกัน คนไหนเขาเหลี่ยมมาแล้วก็เหลี่ยมไป คนไหนซื่อสัตย์มาก็ซื่อสัตย์กับไปก็แค่นั้น มันเป็นเรื่องของบุคคลเหมารวมในองค์กรไม่ได้ ไม่มีหรอกที่วงการนั้นๆจะมีแต่มุมดีๆ หมดเลย มันก็ต้องมีมุมแบบนี้บ้างเป็นปกติธรรมดาทุกวงการ อยู่ที่ว่าเราจะไปเจอคนไหนและเรารับมือยังไง การซื้อขายถ้าราคานี้เราไม่ได้เราก็ไม่ต้องซื้อถ้าราคานี้ได้เราก็ซื้อมันก็แค่นั้น เพราะมันเป็นเรื่องของธุรกิจระหว่างเราคนซื้อและคนขาย เพียงแต่ว่าคนอื่นอาจจะมองภาพลักษณ์ภายนอกหรือฟังจากที่คนอื่นเขาเล่ามาแล้วก็เลยเชื่อต่างๆกัน “วงการพระไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ ต้องลองเข้ามาสัมผัสถึงจะรู้”

          วัยรุ่นก็หันมาสนใจวงการพระเครื่องมากยิ่งขึ้น พัด เทพอวตารแนะนำว่า พระที่เราจะมาเช่าอย่าไปกู้หนี้ยืมสินใครมา ที่เก็บตามกำลังที่เรามี เก็บที่เราชอบ ถ้าเรามีศรัทธาในพระด้วยก็จะยิ่งทวีคูณ ที่สำคัญอย่าเก็บพระตามกระแส คนที่ซื้อพระตามกระแสไม่ได้ศึกษา ก็จะมีความผิดพลาด และอาจจะเดินผิดทางได้ สุดท้ายก็มีหลายคนที่เป็นหนี้เป็นสินเหมือนช่วงกระแสจตุคามรามเทพ เรามีกำลังเท่าไหร่แล้วก็เช่าตามนั้นไม่ต้องไปเก็บพระแพงๆค่อยๆเก็บค่อยๆสะสมไปเดี๋ยวจะมีเข้ามาเอง ค่อยๆขยับให้มันเป็นสเต็ป เห็นคนอื่นเขาซื้อผ้าแพงๆซื้อขายแพงๆก็อย่าไปเอาตามเขาให้ดูตามกำลังตัวเอง

          และปัจจุบันมีผู้สร้างพระใหม่เยอะมาก ให้ดูผู้สร้างให้ดีๆ การจองพระใหม่หรือแม้แต่ซื้อพระ เช่าพระ ก็ขอให้ดูศูนย์พระดีๆ เดี๋ยวนี้มันมีการโกงกันเยอะ ถ้าเช่าพระกับเซียนเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่หนีหาย เขามีความรับผิดชอบ บางคนอาจจะมองว่า ซื้อกับเซียนแล้วแพงพี่ว่าไม่แพง เขาสามารถการันตีพระให้คุณได้ ยิ่งตอนนี้คนไลฟ์ขายบน Facebook เยอะแยะ ถ้าไปซื้อกับคนใน Facebook ถ้าเรารู้จักกัน เขามีร้านอยู่ก็ดีไป แต่ถ้าเกิดไม่รู้จักกันมันก็มีความเสี่ยงสูง “เงินเราแท้แต่เราจะได้พระแท้กับมาหรือเปล่า อันนี้น่าคิด” แต่ถ้าเกิดมาเช่าที่พันทิพย์งามวงศ์วานพี่บอกได้เลยว่าทุกตู้ บนพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานถ้ามีปัญหา ท่านนายกพยัพ คำพันธุ์ ท่านเคลียร์ให้หมด

          ปัจจุบัน… พัด เทพอวตาร ประจำอยู่ที่มูลนิธิหลวงปู่หมุนชั้น 2 ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ถ้าใครจะไปหาสามารถแวะไปหาพี่พัด เทพอวตารได้เสมอ หรือนัดล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 097-365-5555 หากใครอยากได้คำแนะนำการเล่นพระหลวงปู่หมุน หรือสนใจจะลองเข้ามาในวงการพระ พัด เทพอวตาร ยินดีเป็นตัวกลางและให้คำปรึกษา

          ตลอดการพูดคุยที่ยาวนานนี้ สัมผัสได้ ว่าทุกความรู้สึกที่กลั่นออกมาเป็นคำพูด และฉายชัดอยู่ในแววตาของพี่พัด เทพอวตารนั้นบ่งบอกออกมาหมดแล้วว่า มีความสุขในการเล่นพระ มีความสุขที่อยู่ร่วมกันในวงการพระ บ้านหลังนี้ที่อบอุ่น และก่อนจากกันพี่พัด เทพอวตาร ยังทิ้งท้ายว่า “พี่อยากจะบอกคนรุ่นใหม่ที่สนใจพระเครื่องว่า คุณต้องลองเข้ามาสัมผัส….แล้วจะรู้ว่า คนในวงการพระ ภายใต้สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

by… จุ๋ม ศิริพร

0 Comments

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*

WordPress Image Lightbox