พระกริ่งชินบัญชรใช้ผีได้ (ใช้ผีไม่ใช่ใช้ไล่ผีหรือใช้กันผี)

// จ่าโกวิท แย้มวงษ์

เรื่องนี้มีอยู่ว่า คุณปรีดี ผลนิวาส บ้านของท่านอยู่ในเฉลิมสุข ใกล้สี่แยกรัชโยธิน ซอยเดียวกับบ้านของพี่ชินพร ไม่ห่างไกลกันมากนัก คุณปรีดีท่านนี้อดีตเป็นตำรวจเก่าฝีมือดี มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องของพระเครื่องมามากมายหลายพระเกจิอาจารย์ ก่อนที่จะหันมาใช้พระเครื่องของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

            คุณปรีดีได้ประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องหลวงปู่ทิมมาหลายครั้งหลายหนจนเหลือเชื่อ เมื่อครั้งที่คุณปรีดีเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ทั้งที่คุณปรีดีไม่ดื่มสุราไม่สูบบุหรี่ แต่หมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 3 แล้วจึงขอให้คุณหมอเตรียมการผ่าตัดได้เลย

            ก่อนถึงกำหนดหมอนัดผ่าตัดเพียงหนึ่งวัน คุณปรีดีได้ไปที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมที่บ้านของพี่ชินพร เข้าไปจุดธูปต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ทิมองค์ใหญ่ อธิษฐานขอให้ดลบันดาลให้คุณหมอรักษาตัวเขาให้ถูกโรค ขอให้หายภายในหนึ่งปี ถ้าหายแล้วจะไปบวชแก้บนให้ที่วัดละหารไร่เป็นเวลา 15 วันเพื่อเป็นการบูชาคุณของหลวงปู่ทิม

            คุณหมอที่รักษาได้ผ่าตัดและได้ตัดปอดตรงจุดที่เป็นมะเร็งกำลังลุกลามทิ้งออกไป และได้ทำการรักษาโดยการฉายคีโมถึง 5 ครั้งเพื่อหยุดยั้งเนื้อร้าย จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งปี คุณปรีดีมีอาการเป็นปกติร่างกายแข็งแรงดี คุณหมอได้ทำการตรวจเช็คร่างกายครั้งต่อมา พบว่ามะเร็งหยุดการลุกลามเติบโต ถือว่าหายในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545

            และช่วงก่อนเข้าพรรษาในปีนี้นั้นเอง คุณปรีดีได้เดินทางไปที่วัดละหารไร่ เพื่อบวชถวายผลบุญให้แก่หลวงปู่ทิมตามที่ได้บนไว้ โดยมีท่านพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (พระอาจารย์เชย) เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชอยู่จนครบกำหนด 15 วันก็ลาสิกขา

            เขียนเรื่องราวของคุณปรีดีมาตั้งนาน ท่านผู้อ่านคงต้องนึกว่าไปเห็นจะเกี่ยวกับพระกริ่งชินบัญชรใช้ผีได้ตรงไหนเลย ก็มาเข้าเรื่องกันตรงนี้แหละ เมื่อหลายปีก่อนที่คุณปรีดีจะเป็นมะเร็งร้ายได้เล่าเรื่องให้พี่ชินพรฟังว่า ตัวเขาเองได้ไปผูกขาดรับประทานข้าวแกงมื้อเที่ยงกับร้านค้าที่ตั้งยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่รีดมารหัวขนหรือรับทำแท้งอยู่ในสมัยนั้น

            เหตุเพราะร้านข้าวแกงเจ้าที่ว่านี้มีรสชาติดีอร่อยถูกปาก จึงได้แวะเวียนไปรับประทานเป็นประจำทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งคุณปรีดีจอดรถก็รีบเดินไปที่ร้านข้าวแก้งด้วยความหิว แต่ไม่เห็นมีแม่ค้าอยู่ในร้านและไม่ค่อยมีลูกค้าด้วย เพราะเวลาเกือบบ่าย 2 โมงแล้ว คุณปรีดีจึงพูดด้วยเสียงค่อนข้างดังว่า “ไปตามแม่ค้ามาเร็วหัวจะกินข้าว”

            เพียงไม่กี่นาทีแม่ค้าฝีมือดีเจ้าเดิมก็เดินออกมาแล้วถามว่า “ใครใช้เด็กไปเรียกฉัน” เพราะที่ร้านข้าวแกงในวันนั้นไม่มีเด็กที่ร้านเลย ลูกค้าชาย-หญิงที่นั่งอยู่ 2-3 คนต่างก็มองหน้ากันแล้วพูดว่า “ไม่เห็นมีเด็กที่ไหนไปนี่” แม่ค้ายังยืนยันว่า “ก็มีเด็กไปเคาะตู้เรียกฉันนี่นา” เรื่องนี้คุณปรีดีเชื่อว่าเพราะอำนาจในองค์พระกริ่งชินบัญชรก้นเงินที่ห้อยคอเขาอยู่องค์เดียวในวันนั้น คงจะแผ่บารมีดลบันดาลบังคับให้วิญญาณผีเด็กที่ตายซับตายซ้อนไปตามแม่ค้ามาให้อย่างแน่นอน

            ขอเล่าต่ออีกเรื่องหนึ่งคือว่า อาจารย์ดุษฎี ศิริโวหาร ได้บันทึกถึงประสบการณ์ของพระกริ่งชินบัญชรและพระเครื่อง เครื่องรางของขลังหลวงปู่ทิมไว้อย่างน่าสนใจว่า

            เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2518 มีโจรกลุ่มหนึ่งจำนวน 4 คนได้ดวลปืนกลกับตำรวจ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง โจรทั้ง 4 คนมีปืนเอ็ม 16 ประจำตัว ส่วนตำรวจมีปืนนาโต้ ปืนคาร์ไบร์ และเอ็ม 16 ประจำตัว ผลการต่อสู้ปรากฏว่าโจรตาย 3 คน หนีไปได้ 1 คน ต่อมาถูกจับได้ภายหลัง ฝ่ายตำรวจมีอาวุธด้อยกว่าไม่เสียชีวิตเลยแต่บาดเจ็บเล็กน้อยที่หัวไหล่ 1 คนสาเหตุเพราะกระสุนปืนเอ็ม 16 ยิงไปถูกรถ เศษเหล็กตัวถังรถกระเด็นมาโดนไหล่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

            พ.ต.ต.นุกูล โสมทัต ผบ.สภ.บ้านค่าย (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้เล่าให้อาจารย์ดุษฎีฟังว่า เหตุการณ์ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจรถยนต์อยู่ที่ด่านชวด ในช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ได้มีรถปิอัพมาสด้าสีเหลืองวิ่งผ่านไปโดยไม่ยอมหยุดให้ตรวจ เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามในระยะห่างเพียง 20 เมตร โจรยิงสกัดด้วยปืนเอ็ม 16 หลายนัด

            กระสุนปืนของเหล่าโจรโดนรถยนต์ถูกกระจกหน้าทะลุเลยไปถูกกระจกหลังแตกกระจายแต่กระสุนไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่นัดเดียว มีอยู่นัดหนึ่งที่ไปโดนตัวถังรถ เหล็กฉีกกระเด็นไปถูกหัวไหล่ของ พลฯ บรรยง คุ้มท้วม (ยศในขณะนั้น) ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย คนร้ายจึงขับรถหนีไปได้

            พ.ต.ต.นุกูลจึงได้วิทยุขอกำลังตำรวจให้ช่วยสกัดทุกจุดที่เป็นทางหนีของกลุ่มโจร และได้นำกำลังตำรวจติดตามอย่างกระชั้นชิดจนได้พบรถของกลุ่มโจรที่ตำบลชะอึก โดยขับรถสวนกันจึงเกิดการดวลปืนขึ้นอีกครั้ง โดยกลุ่มโจรได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ตำรวจอย่างบ้าคลั่ง ตำรวจที่มีปืนที่ด้อยคุณภาพกว่าก็ยิงตอบโต้อย่างไม่ลดละ ผลปรากฏดังที่เรียนให้ทราบเบื้องต้นใจรตาย 3 คนถูกจับได้ 1 คน

            อาจารย์ดุษฎีได้เขียนเรื่องเล่าต่อไว้ว่า เรื่องที่อยากให้ทราบคือเรื่องพระเครื่องปรากฏว่ากลุ่มพวกโจรมีพระเครื่องห้อยคอกันทุกคน แต่ไม่มีพระเครื่องของหลวงปู่ทิมเลยสักคนเดียว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงต่อสู้กับโจรมีพระเครื่องของหลวงปู่ทิมกันทุกคน เพราะวัดละหารไร่อยู่ไม่ไกลกับสถานีตำรวจภูธรบ้านค่ายมากนัก และทุกคนก็นับถือหลวงปู่ทิม

            ส่วน พ.ต.ต.นุกูล (ต่อมาทราบว่าท่านได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี) มีพระเครื่องของหลวงปู่ทิมคือ พระกริ่งชินบุญชรก้นมีเดือย พระชัยวัฒน์ชินบัญชร รูปเหมือนหลวงปู่ทิม และเหรียญเจริญพร

• Facebook
• Twitter
• Line