ศิริชนม์ ชวนะกุล (ต่อ เสาไห้) ประธานชมรมศิษย์หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ชื่นชอบหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน…เก็บสะสมความรู้จนชำนาญ
ศิริชนม์ ชวนะกุล หรือชื่อในวงการเรียกขานกันว่า ต่อ เสาไห้ เป็นคนจังหวัดสระบุรีมาแต่กำเนิด จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ต่อ เสาไห้ สนใจในพระเครื่องนั้น ต่อ เสาไห้ เล่าว่า ตนเองสนใจในพระเครื่องมาตั้งแต่เด็ก ย้อนไปตั้งแต่เมื่อปี 2522 ตอนนั้นอายุประมาณ 12 ปี ได้ไปเล่นกับเพื่อนที่ชื่อโหน่ง ตรงบริเวณวัดเสาไห้เป็นประจำ มักจะเห็นพระอาจารย์วรรณ เจ้าอาวาส จะนั่งยองๆ ส่องพระเครื่องบริเวณหน้ากุฎิของท่านกับคุณจำนงค์ เซียนพระสระบุรีเป็นประจำแทบทุกวัน บางครั้งก็จะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับอภินิหารของพระต่างๆ จากพระในวัดบ้าง และจากผู้ใหญ่ต่างๆ บ้าง จึงเกิดความสนใจพระเครื่องตามประสาเด็กๆ ที่ชื่นชอบเรื่องอภินิหารเหลือเชื่อต่างๆ ตั้งแต่นั้นมาก็สนใจในพระเครื่อง และเก็บความสงสัยมาโดยตลอดว่าปฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่? คิดตามว่าถ้าจะมีพระขึ้นคอสักองค์ ก็คงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตเรา คือต้องขลังและมีของ ที่เรียกว่ามีพุทธานุภาพมีอำนาจปกป้องอันตรายให้เราได้ ประสบการณ์ที่เกิดก็ต้องเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อการค้า
นอกจากที่ฟังผู้ใหญ่ในวัดเล่าแล้ว ก็มีโอกาสได้ฟัง คุณปู่คำ ไชยรัตน์ ซึ่งเป็นปู่ของเพื่อนที่ชื่อโหน่ง ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ ประสบการณ์หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ที่เป็นเรื่องจริงแล้วเล่ากันปากต่อปากของชาวสระบุรีมานาน และเป็นเรื่องราวที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ คือหลวงพ่อย้อยเป็นพระที่ดีมีศีลที่บริสุทธิ์ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ฉันอาหารมื้อเดียวเป็นพระที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง เวลาท่านฉันอาหาร แทบจะกล่าวได้ว่าทุกเวลาที่ท่านฉันจะมีสุนัขและแมวล้อมรอบตัวท่านและสำรับกับข้าวของท่านจำนวนมาก ท่านไม่เคยไล่ ท่านฉันอาหารไป ท่านก็ให้อาหารสุนัข แมวไปด้วยทุกครั้ง ยุงที่กัดท่าน ท่านไม่เคยไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ท่านก็ไม่ยอมให้ตี บอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป เรื่องลาภยศเงินทองท่านไม่สนใจ บวชมานาน 69 พรรษาไม่มียศอะไรเลย ทั้งที่บวชนานถึง 69 ปี ท่านไม่สนใจ มีเพียงตำแหน่งพระอธิการ เจ้าอาวาสวัดอัมพวันเท่านั้น เคยมีพระผู้ใหญ่จะให้หลวงพ่อย้อยเป็นพระครู ท่านไม่รับตำแหน่งเลย เรื่องเงินทองไม่สนใจ เงินที่ท่านได้รับมาจะยัดไว้ตามพื้นตามข้างฝาไม่สนใจ จนบางครั้งปลวกกินจนเกือบหมด เก่งพลังจิตแรงก็คือท่านมีสมาธิที่ดีพลังจิตที่แข็งมาก ซึ่งในความเก่งของท่านคือเรื่อง “เพ่งพานแตกที่วัดไก่จ้นปี 2521”
เท่าที่ได้ฟังมายังเป็นความทรงจำประทับใจและอยากที่จะพิสูจน์มาตลอด จนเราเริ่มโตขึ้นเมื่อมีโอกาสจึงได้สนใจศึกษาประวัติหลวงพ่อย้อยเรื่อยมา ยิ่งศึกษา ยิ่งน่านับถือ ยิ่งรับรู้เรื่องราว ยิ่งรู้ว่าท่านบริสุทธิ์จริงๆ ยิ่งฟังประสบการณ์ต่างๆ ยิ่งน่าศรัทธา ยิ่งท่านมรณภาพแล้ว 37 ปี (ท่านมรณภาพปี 2525) แต่ร่างท่านไม่เน่าเปื่อย ยิ่งน่าอัศจรรย์มากขึ้น
ด้วยความบังเอิญที่ได้ย้ายมาทำงานที่ธนาคารนครหลวงไทย สาขาท่าเรือ-อยุธยา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีโอกาสได้รู้จักคุณศักดิ์ ท่าเรือ ซึ่งได้เล่าเรื่องที่อยู่ในความสนใจที่อยากพิสูจน์มานานให้ฟังว่าจะแนะนำให้รู้จักคนที่อยู่และเห็นเหตุการณ์เพ่งพานแตก วัดไก่จ้น ประกอบกับได้รับทราบข้อมูลจากท่านผู้ว่านัฏฐ์ ศรีวิหค ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพและนับถือมาก จึงได้รับทราบเรื่องราวจากความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้ว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินยกช่อฟ้าและตัดลูกนิมิตอุโบสถวัดไก่จ้น อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง วัดไก่จ้น พระนครศรีอยุธยา มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานจุดเทียนชัย และมีพระคณาจารย์มากมาย ในงานนี้มีผู้อยากลองวิชากับหลวงพ่อย้อย หลวงพ่อย้อยจึงสอนมวยกลับโดยการเพ่งพานแก้วแตกกระจาย ต่อหน้าคุณปู่คำ ไชยรัตน์และคุณสิงห์ชัย-ท่าเรือ คุณสิงห์ชัย แก้วจินดา ชาวอำเภอท่าเรือ (โทรศัพท์ 035-222270 ท่านยินดีรับทุกสายกับผู้ที่ต้องการรู้ในรายละเอียด) ได้เข้าร่วมพิธีนี้ ระหว่างนั้นสังเกตมีพระรูปหนึ่งที่ไม่รู้จักมาก่อน เห็นบุคลิกดี ดูแล้วสง่างาม มีบารมีดูผ่องใส คุณสิงห์ชัยชอบจึงตัดสินใจว่า เอาล่ะองค์นี้น่าศรัทธาดีจึงนั่งใกล้ชิดอยู่หลังพระรูปนี้ห่างเพียงศอก ระหว่างพิธีพุทธาภิเศก คุณสิงห์ชัยได้ยินเสียงดังที่พานแก้วที่วางหญ้าคาสำหรับพรมน้ำมนต์ เสียงดังคริ้งๆ 2 รอบ หลังจากนั้นครั้งที่ 3 พานแก้วใบนั้นได้แตกฟุ้งขึ้นเหมือนระเบิดปรมาณูกระจายขึ้นบน แล้วเศษแก้วทั้งหมดที่กระจายออกกลับมารวมกันเป็นกระจุกรวมกันเหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้แตกและทำให้กลับมารวมกันโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที (ปกติแตกก็ต้องมีเศษกระจายไปทั่ว แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่แปลกที่แตกแล้วกลับมากองรวมกันเหมือนมีคนมากวาด) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าคุณสิงห์ชัย แก้วจินดาและนายทองสุข อ่อนละมัยเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง ยังความแปลกประหลาดใจ จนทำให้คุณสิงห์ชัยที่สงสัยอยู่แล้ว ถามลูกศิษย์พระรูปนี้ว่าท่านชื่ออะไรอยู่วัดไหนทำไมเก่งจัง
จนได้ความว่าพระรูปที่ตนศรัทธาตั้งแต่แรกนั้นชื่อ หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี เมื่อพิธีเสร็จเทียนชัยดับลง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ประธานในพิธีเดินทางกลับ ระหว่างทางเดินผ่าน หลวงปู่โต๊ะกับหลวงพ่อย้อย ได้กล่าวทักทายกัน และหลวงปู่โต๊ะ ได้กล่าวชมกับหลวงพ่อย้อยอีกว่า ”ท่านเก่งน้อ “ แล้วหลวงปู่โต๊ะเดินทางกลับ หลังจากนั้นเป็นเรื่องที่ฮือหาและศรัทธาสำหรับผู้พบเห็นเหตุการณ์ จนต้องเข้าคิวกันเพื่อขอให้หลวงพ่อย้อยเป่าหัว พรมน้ำมนต์ จนหลวงพ่อย้อย เดินทางกลับช้ากว่าปกติ
หลังจากเหตุการณ์นั้นยังอยู่ในความทรงจำที่ประทับใจและความศรัทธาเป็นอันมากทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักหลวงพ่อย้อยมาก่อนเลย วันรุ่งขึ้นคุณสิงห์ชัย เดินทางตามมาไหว้หลวงพ่อย้อย ที่วัดอัมพวัน พูดคุยกับหลวงพ่อย้อยทั้งวัน ได้ขอจองตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชเพราะรู้ว่าที่คือสุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อย้อย บูชาวัตถุมงคลอื่นและเช่าหาจากชาวบ้านใกล้วัดอัมพวัน อีกหลายชิ้น ท่านผู้ว่านัฏฐ์ ศรีวิหค อดีตคณะกรรมการปปช. อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และอีกหลายจังหวัดซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อย้อยและสนิทกัน ทราบเรื่องสงสัย จึงได้ถามหลวงพ่อย้อย ว่าเกิดอะไรขึ้น หลวงพ่อย้อยได้บอกว่า ”มีคนลองของเรา เสียดายที่ทำพานเขาแตกไป ” ไม่อยากทำอย่างนั้นมันไม่ดีแต่ต้องทำเมื่อมีคนมาลองของเรา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ชอบโอ้อวดวิชาเลย ชอบอยู่แบบสงบดีกว่ามาให้เขาลองวิชากัน การลองของไม่ดี ไม่ควรทำ หลังจากพิธีนี้หลวงพ่อย้อยไม่รับนิมนต์ไปปลุกเสกที่อื่นอีกเลย
จากชีวิตที่ผ่านมาประสบอุบัติเหตุนับครั้งแล้วมากกว่า 5 ครั้งด้วยความน่าอัศจรรย์ที่รอดมาได้ทั้งที่เหตุการณ์แต่ละครั้งน่าจะได้รับบาดเจ็บที่ร้ายแรงมากแต่ก็เจ็บเล็กน้อยเท่านั้นแทบไม่เป็นอะไรเลย จึงทำให้ผมรู้ และมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ในคอและพกพาไปด้วยกับผมนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตและมีเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของผมแล้ว ด้วยความศรัทธาผมก็ตามเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน มาโดยตลอด
เมื่อก่อนนั้นผมเก็บอย่างเดียวจนมาประมาณปี 52 กว่าๆ คนที่รู้ว่าผมเก็บพระหลวงพ่อย้อยมักจะมาถามหาบ่อยๆ จึงทำให้มีความคิดว่าเรามีเราเก็บก็จะชื่นชมคนเดียว แต่ถ้าเรามีแล้วแบ่งให้คนอื่นบ้างก็เหมือนเป็นการได้เผยแพร่ให้คนบ้าง และคิดที่จะเผยแพร่เรื่องราวของหลวงพ่อย้อยทางสื่อออนไลน์ ก็เปิดร้านพระในเว็ปไซต์หนึ่ง นั่นเป็นจุดแรกเลยที่เริ่มทำให้ผมแบ่งปันให้คนอื่นบูชา พร้อมทั้งเผยแพร่วัตถุมงคลหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ให้คนได้รู้จักมากขึ้น
ส่วนหลักในการศึกษาพระเครื่องนั้น ส่วนใหญ่ผมจะมีอาจารย์เป็นพระเกจิ อย่างอาจารย์คนแรกก็เจ้าอาวาสวัดเสาไห้ ท่านสอนให้ดูพระเครื่อง ช่วงนั้นประมาณ ปี 23-25 ท่านบอกว่าหลักการดูพระเนี่ยะ เราต้องดูทั้งองค์ดูหมดแม้กระทั่งการดมกลิ่นก็ต้องดม เจ้าอาวาสวัดเสาไห้นี่ท่านเคยเล่นพระกับอาจารย์อ้า สุพรรณ, อาจารย์สมาน คลองสาม และป๋าต้อย เซียนเก่าๆ จะรู้จักท่านดี ต่อมาก็พระอาจารย์สงัด วัดพะเยาว์ ที่สอนเรื่องเชิงให้ เชิงในที่นี้คือเชิงการเล่นพระ หรือการซื้อขายนี่ล่ะ ท่านเป็นสอนเรื่องลูกล่อลูกชนให้ครับ
สำหรับนักนิยมสะสมพระรุ่นใหม่ ที่ต้องการอยากเข้าสู่วงการพระ ต่อ เสาไห้ มีข้อแนะนำง่ายๆ ว่า ถ้า อยากศึกษาพระสายไหน นอกจากอ่านหนังสือแล้วควรจะรู้จักเซียนที่เป็นสายตรงของพระสายนั้นด้วย แล้วเราก็เข้าหาท่านให้ท่านช่วยสอนให้ เซียนพระทุกคนไม่ค่อยหวงวิชาหรอกครับ โดยเฉพาะเซียนรุ่นเก่าๆ ยินดีที่จะให้ความรู้เราเสมอ
หากใครที่สนใจพระเครื่องสายสระบุรี โดยเฉพาะพระเครื่องของหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน สามารถเข้าไปดูในกลุ่มเฟสบุ๊ค “ชมรมศิษย์หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน” ได้ ซึ่งกลุ่มในเฟสบุ๊คจะมีบอกเล่าประสบการณ์และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทางชมรมฯ เราดำเนินการ โดยชมรมศิษย์หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวันนี้ก่อตั้งมาเมื่อ ปี 52 โดยมีคุณเอกชัย บุญเพ็ง เป็นประธานคนแรก ปัจจุบัน คุณต่อ เสาไห้ เป็นประธานคนล่าสุดมาได้ 2 ปีแล้ว โดยชมรมฯ มีจุดประสงค์ที่เผยแพร่พุทธคุณหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เน้นกิจกรรมช่วยวัดส่งเสริมเผยแพร่บารมีหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน หรือท่านใดจะเข้าไปหาคุณต่อ เส่าไห้ สามารถเดินทางไปพบได้ ที่ ศูนย์พระเครื่องต่อ เสาไห้ ที่ห้างสุขอนันต์ปาร์ค สระบุรี หรือเฟสต่อ เสาไห้ โทรนัดล่วงหน้าที่เบอร์ 081-825-8067