ข่าวประชาสัมพันธ์

เทพเจ้ามหาบารมี ๓๐ ทัศ เหรียญมหามงคลที่ระลึกใน พิธีสรงน้ำ ประจำปี ๒๕๖๒ พระเกจิอาจารย์ดังอยุธยา

%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%9e%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5-%e0%b9%93%e0%b9%90-%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a8-%e0%b9%80

เหรียญมหามงคลที่ระลึกใน พิธีสรงน้ำ ประจำปี ๒๕๖๒ พระเกจิอาจารย์ดังอยุธยา 
“เทพเจ้ามหาบารมี ๓๐ ทัศ”
รวมสุดยอดพระเวทโบราณ และ ปฐมตำนานกำเนิด มหายันต์
สัญญาลักษณ์แห่งสยามประเทศ
เหรียญสรงน้ำ พุทธศักราช ๒๕๖๒

          ในวาระมงคล วันมหาสงกรานต์ประจำปี ๒๕๖๒ ในวันที่ ๑๓ เมษายน ของทุกปี ที่วัดสุทธาวาส วิปัสสนา จะมีพิธีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และ สรงน้ำ หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์สามเณรในอาราม ตลอดจนถึงจัด พิธีอาบน้ำว่าน อาบน้ำมนต์ธรณีสารใหญ่ ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ และ พิธีอาบน้ำว่าน ปัจจุบันเป็นประเพณีนิยมของชาวอำเภอลาดบัวหลวง และพุทธศาสนิกชนศิษย์ไปแล้ว โดยเมื่อถึงวันดังกล่าว สาธุชนจากทั่วสารทิศก็จะเดินทางมาร่วมพิธีกันจำนวนมาก

          ในการนี้ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ อนาลโย ได้มอบหมายให้ พระครูปลัดสุรินทร์ ภทฺทมุนี จัดสร้างเหรียญที่ระลึกในพิธีสรงน้ำประจำปี ๒๕๖๒ โดยตั้งชื่อว่า “ เหรียญสรงน้ำ ” ซึ่งหนึ่งปีจะสร้างเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงนับว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลอีกหนึ่งรุ่นที่ทรงคุณค่าแห่งการบูชาครอบครอง

          ตำนานเหรียญสรงน้ำหลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ มหายันต์ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” ตำรับพระเวท ๓๐ ทัศ ซึ่งพระครูบาสุรินทร์ ได้รับมอบประสิทธิประสาทพระยันต์นี้จาก หลวงพ่อรักษ์ แล้วนำมาออกแบบจัดสร้างเหรียญสรงน้ำขึ้นมาเป็นที่ระลึกในงานบุญ

ด้านหน้าเหรียญ ลงมหาอักขระยันต์ครูใหญ่ บทพระเวทบารมี ๓๐ ทัศ สิทธิการิยะ พระคาถามหาบารมี ๓๐ ทัศ ยอดแห่งพระคาถาศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค ดังพระคาถาว่า
อิติปาระมิตาติงสา แปลว่า ขออำนาจแห่ง พระบารมี ๓๐ทัศ… อิติสัพพัญญูมาคะตา แปลว่า ขออำนาจแห่ง บารมีพระสัพพัญญู… อิติโพธิมนุปปัตโต แปลว่า ขออำนาจแห่ง พระโพธิญาณ… อิติปิโสจะเตนะโม แปลว่า ด้วยอำนาจแห่งคำขอทั้งหมดนี้ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

          กล่าวถึง “ตำรับวิชาบารมี ๓๐ ทัศ” เป็นตำรับของพระปรมาจารย์ยุคเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา จารึกไว้ว่า พระเวทวิชาบารมี ๓๐ ทัศ หรือพระบารมี ๓๐ ทัศ เป็นพระบารมีที่พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ ได้ทรงบำเพ็ญบารมีมาจนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็น “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ซึ่งประกอบไปด้วย ทานบารมี ๓ ขั้น ศีลบารมี ๓ ขั้น เนกขัมมะบารมี ๓ ขั้น ปัญญาบารมี ๓ ขั้น วิริยะบารมี ๓ ขั้น ขันติบารมี ๓ ขั้น สัจจะบารมี ๓ ขั้น อธิษฐานบารมี ๓ ขั้น เมตตาบารมี ๓ ขั้น อุเบกขาบารมี ๓ ขั้น รวมกันเป็น “พระบารมี ๓๐ ทัศ”

          นอกจากนี้ในตำราว่า เป็นพระคาถาที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงศึกษาเล่าเรียนมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แล้วทรงท่องอาราธนา ก่อนออกชนช้างกับ มหาอุปราชาฯ จนทำให้พระองค์ทรง มีชัยต่อพระมหาอุปราชา ทรงปกป้องรักษาบ้านเมืองไว้ได้ ซึ่งพระคาถานี้คนโบราณ ท่านตีราคาไว้เท่ากับเมืองๆหนึ่ง ซึ่งต่อมาสรรพวิชาคาอาคมเหล่านี้ได้มีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

           จนกระทั่งปัจจุบันตำราพระคาถานี้ได้ตกทอดมาถึง หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองอยุธยา ซึ่งพระเดชพระคุณ ศึกษามาอย่างชำนาญแตกฉาน ตลอดถึง บำเพ็ญบุญบารมี สร้างกุศล สร้างบารมี แผ่ไปทั่วสารทิศ จนเป็นที่ ประจักษ์ของสาธุชน จนได้รับขนานนาม จาก พุทธศาสนิกชนทั้งมวลว่า “ เทพเจ้ามหาบารมี ๓๐ ทัศ ”

          ในตำรากล่าวสรรเสริญคุณวิเศษ ของพระคาถานี้ไว้ว่า หากบุคคลใดท่องอาราธนา หรือนำวัตถุมงคลที่ลงพระเวท “พระคาถามหาบารมี ๓๐ ทัศ” นี้ จะบังเกิดความเป็นมหามงคล เป็นต้นว่า
          ๑.เป็นเลิศทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เป็นที่รักแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ติดต่อเจรจาด้านการค้าขายหรือธุรกิจราบรื่น การงานสะดวกสบาย
          ๒.เป็นมหาครอบจักรวาล ด้าน ปิด ปัด กัน แก้ ขับไล่เสนียดจัญไร อาถรรพณ์ทั้งปวง ศัตรูเห็นหน้าเราบังเกิดความครั่นคร้าม สรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดจนภูตผีปีศาจ อยู่มิได้หลบหนีไปสิ้นแล
          ๓.แก้เคราะห์กรรม สะเดาะเคราะห์ ป้องกันเภทภัย-ภยันตรายที่เกิดจากดวงดาวราศีพระราหู หรือความเชื่อถือเรื่อง เบญจเพส หรือ แก้ปีชง เป็นต้น
          ๔.เป็นมหากำบังแคล้วคลาด กันภัยทั้งปวง จากศัตราวุธทั้งหลาย คงกระพันชาตรี รวมไปถึงป้องกันภัยอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จากหนักกลายเป็นเบา จากร้ายกลายเป็นดี โบราณเรียกว่า อาวุธกลับ
          ๕.เปิดทางหรือเบิกทาง การทำมาหากิน เร่งผลด้านเรียกโชค เรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมา ไม่ติดไม่ขัด การงานธุรกิจหรือประกอบอาชีพใดๆ ก็เจริญรุ่งเรือง ไม่มีตกอับ หรือขัดสน มั่งมีทรัพย์ ไม่อดไม่อยาก
          ๖.ส่งเสริมเพิ่มพูน ค้ำจุน หนุนดวง สืบชะตาชีวิต เป็นอำนาจวาสนาบารมี เพิ่ม ตบะเดชะ มีผิวพรรณวรรณะที่ผ่องใส ปราศจากเครื่องมลทินเศร้าหมอง ดีนักแล

          ลงพระเวท พระคาถา พระเจ้าห้ามอาวุธ พระคาถาบทนี้ เป็นพระคาถาที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงนับถือนักในการที่ทรงใช้เป็นพระคาถาทางอยู่คงกระพันชาตรี ดันัก โดยได้รับมอบมาจากพระอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พระคาถาบทนี้ให้ภาวนาไว้ อาวุธทั้งหลายมิสามารถจะทำอันตรายได้ อีกทั้งเป็นมหาจังงังดีนักแล

         ลงพระเวท พระคาถา ธนูมือพระพุทธเจ้า ดังคาถาว่า อะสิสะติ ธนูเจวะ สัพเพเต อาวุธานิจะ ภัคคะภัคคาวิจุณณานิ โลมังมาเมนะ ผุสสันติ วึ่งคาถานี้เป็นวิชาเดียวกันกับที่ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ใช้ลงตะกรุดโทนของท่านจนเลื่องลือนั่นเอง พุทธคุณ จะเป็นด้าน คุ้มครอง ป้องกัน เด่นทางด้านบู๊ คาถาว่า ถึงศาสตราวุธ ของ พระพุทธเจ้า ที่ใช้ สยบ หมู่มารและความชั่วร้าย นั้นก็คือ “ธรรมมะ” นั้นเอง จะชนะทุกสิ่งด้วย ธรรมชาติ และความดี ที่คงอยู่ถาวร ในจิตของบุคคลที่มีธรรม ท่านว่า วัตถุมงคลชนิดนี้ หากอยู่กับผู้ที่ ปฏิบัติธรรม มีใจเมตตา และขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะ เหล่าเทพเทวดา จะคอยเป็นแรงช่วยเมื่อได้พบ หรือ สัมผัสกับ พระยันต์นี้ เพื่อช่วยเหลือ คนดี สร้างบารมีให้กับ เทพและเทวดาเหล่านั้นต่อไป สรุปง่าย ๆ ก็คือ หากตกอยู่ในมือของคนดี คิดดี จะยิ่งขลังยิ่งดี และ จะปกป้องบุคคลผู้นั้น แบบชนิดที่ว่า ยากนักที่สิ่งชั่วร้าย ภูติผีปีศาจ ไสยดำต่าง ๆ จะเข้ามาทำร้ายได้ เพราะ ไม่มีสิ่งใดในธรรมชาติ ที่เราอาศัยอยู่ จะเหนือไปกว่า ธรรมมะ คำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า ศาสดาเอกของโลก แห่งศาสนาพุทธของเรานั่นเอง

          ด้านหลัง มหายันต์ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” ตำรับพระเวท ๓๐ ทัศ ซึ่ง พระครูบาสุรินทร์ ได้รับมอบประสิทธิประสาทพระยันต์นี้จาก หลวงพ่อรักษ์ มาโดยตรง กล่าวถึงพุทธคุณแห่งพระยันต์นี้มีอานุภาพมากยิ่งนัก

          ซึ่งในตำรานี้กล่าวถึง พญาคชสาร นามว่า “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” เดิมชื่อ พลายภูเขาทอง เป็นช้างคู่พระบารมีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากขึ้นระวางแล้ว ได้บรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาไชยานุภาพ ต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า เจ้าพระยาปราบหงสาวดี ในครั้งที่ชนะศึกยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2135 (ซึ่งในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 18 มกราคม) เชื่อกันว่าเป็น พญาช้าง ที่มีความจงรักภักดี และมีความกล้าหาญเสียสละช่วยกอบกู้ชาติให้แผ่นดิน มีลักษณะทางคชลักษณ์ที่ดี ส่วนหนึ่งได้แก่หลังที่โค้งลาด คล้ายก้านกล้วย ในพงศาวดาร ซึ่งระบุว่า ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรตัวเล็กกว่าพลายพัทธกอของพระมหาอุปราชา สู้แรงไม่ได้ แต่อาศัยยันโคนต้นพุทรา ทำให้แบกได้ล่าง และสมเด็จพระนเรศวรฟันด้วยพระแสงของ้าว ต้องคอของพระมหาอุปราชาขาดกับคอช้าง ด้วยเหตุนี้เอง หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ จึงเอาคุณงามงามดีในความจงรักภักดี ของ เจ้าพญาปราบหงสาวดี มาเผยแผ่ โดยการนำมาลงพระเวท อักขระเลขยันต์ตามตำรับโบราณ ที่มีอานุภาพมาก เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล

          อันประกอบด้วย พระยันต์ครู “ยันต์ ๕ ยอด” ซึ่งเป็นยันที่มากด้วยพุทธคุณ เป็นเลิศ ๑.ยอดเสน่ห์ ๒.ยอดเมตตา ๓.ยอดมหานิยม ๔.ยอดโชคลาภ ๕.ยอดแคล้วคลาด และ ประกอบด้วย พระยันต์หัวใจ ทศชาติ อันเป็นยอดแห่งพุทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาบารมี ยันต์นะมหาโภคทรัพย์ ที่เป็นยอดแห่งการเรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง มั่งมีศรีสุข และอักขระพระเวท มนต์คาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า ซึ่งมีพุทธคุณครอบจักรวาล พระคาถาสำคัญบทนี้ พระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์มักใช้ท่องอาราธนาเสมอ ด้วยเป็นยอดแห่งพุทธคุณ เป็นมหาอำนาจ กำบังภัย เป็นเลิศดีนักแล

0 Comments

Reply your comment

Your email address will not be published. Required fields are marked*

WordPress Image Lightbox