ดร.พุฒธิพงค์ ทองวิมล หรือ ดร.ไมค์ ไทยแลนด์ ประธานกรรมการบริหารตลาดพระเครื่อง Amulet Center
วันนี้เกร็ดชีวิตคนดังได้มีโอกาสสัมภาษณ์เซียนพระท่านหนึ่ง เป็นคนหนุ่มมองกาลไกล หัวคิดทันสมัย กล้าคิดกล้าทำที่เพิ่งจะเปิดตลาดพระเครื่อง Amulet Center ไปไม่นานมานี้ ซึ่งตลาดนัดพระเครื่องของเขามีความแปลกและแตกต่าง… แตกต่างยังไง? มีความเป็นมายังไง? เรามาทำความรู้จักกับเซียนพระท่านนี้กันค่ะ
ดร.พุฒธิพงค์ ทองวิมล หรือ ดร.ไมค์ ไทยแลนด์ ประธานกรรมการบริหารตลาดพระเครื่อง Amulet Center
จากสื่อมวลชนเข้าสู่การเป็นนักเล่นพระ และเปิดตลาดพระเครื่องที่ไม่เหมือนใคร
ดร.ไมค์ ไทยแลนด์ ได้กล่าวถึงที่มาและจุดเริ่มต้นของการชื่นชอบพระเครื่องให้ฟังว่า “ด้วยความที่บ้านเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วคุณพ่อเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็เลยมีพระของหลวงพ่อปานเยอะ และในสมัยนั้นไปทำงานอยู่ด่านช้างก็เลยทำให้ได้เดินทางไปมาระหว่างพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสุพรรณบุรี จึงมีพระเครื่องเยอะมาก ผมได้มาทำความรู้จักกับพระเครื่องจริงๆ ตอนนั้นก็ช่วงที่อยู่ประมาณ ม.3 ก็ขโมยพระหลวงพ่อปาน ทรงครุฑใหญ่ ของคุณพ่อเอาไปขาย จำได้ว่าขายได้เงินมา 800 บาท ก็เอาไปซื้อเสื้อผ้า ตอนนั้นผมรู้แต่ว่าเค้าเรียกหลวงพ่อปานแต่ก็ไม้รู้ว่ามีราคาคางวดเท่าไหร่ หรือคนนิยามขนาดไหน รู้แต่ว่าซื้อ-ขายได้แน่ๆ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักพระเครื่อง หลังจากที่เรารู้ว่าซื้อ-ขายได้ ก็เริ่มศึกษาพระเครื่องโดยเริ่มจากเอาพระเครื่องของพ่อมานั่งดู นั่งส่อง แต่ก็ไม่เป็นสักทีก็พับเก็บเรื่องพระเครื่องไว้” เรียกได้ว่า ดร.ไมค์ ไทยแลนด์ ขายพระเป็นก่อนค่อยมาเรียนรู้พระเครื่องจริงจังนั่นเอง
ดร.ไมค์ เล่าต่อว่า พอเรียนจบวิศวกร จาก ม.รังสิต และจบนิเทศศาตร์ จากม.จันทร์เกษม จึงต่อปริญญาโทบริหารที่ ม.ราชภัฏ และจบ ดร. ที่เมืองนอก พอเราเรียนจบเราก็เริ่มมีโอกาสทำงานเกี่ยวกับสื่อมวลชน ได้มีโอกาสเป็น บก.ของ nbt แล้วก็ได้ทำรายการที่ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นนั่นคือ รายการกุสุมาพาทูตเที่ยวทั่วไทย เผอิญได้ไปรู้จักกับเจ้าของหนังสือนิตยสารเล่มหนึ่ง ก็ได้ชักชวนมาเป็นบรรณาธิการของนิตยสารพระเครื่องเล่มนั้น แต่ตอนนี้หนังสือเล่มนั้นได้ปิดตัวไปแล้ว นั่นแหละคือจุดกำเนิดหลักๆ ที่เราได้เห็นหนังสือพระเครื่อง
พอเราได้เข้ามาทำงานก็จะเห็นพระที่ลงในหนังสือแต่ละองค์นั้นมีราคาแพงมาก ก็คิดว่าคงไม่มีปัญญาซื้อเพราะสมัยนั้นเป็นเพียงแค่ บก. ซึ่งพอเราได้มาทำงานตรงจุดนี้ทำให้โชคดีที่ได้เห็นพระเครื่องเยอะ สำคัญที่สุดก็คือเราได้เห็นของจริง ก็เริ่มอยากจะสะสม แต่ตอนนั้นยอมรับเลยว่าไม่มีปัญญาเพราะพระที่ลงหนังสือแต่ละองค์นั้นราคาค่อนข้างสูงทั้งนั้น ก็ไม่กล้าซื้อ แต่โชคดีอย่างหนึ่งเวลาที่เราไปทำข่าวพระเครื่อง ก็จะมีคนเอาพระเครื่องมาให้ผมได้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2 กว่าๆ หรือ 3 กว่าๆ รวมถึง ลป.ทิม เองก็มีคนให้มา ก็เริ่มที่จะเก็บจากส่วนที่คนเขาให้มานี่แหละ นี่คือจุดแรกเริ่มในการสะสมพระเครื่องตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
เมื่อถามถึงวิธีในการศึกษาพระเครื่องของ ดร.ไมค์ นั้นมีวิธีการศึกษาอย่างไร ดร.ไมค์ เล่าให้ฟังว่า ที่แรกเลยก็คือหนังสือ ก็ดูจากหนังสือพระเครื่องหลายๆ เล่ม แต่ก็ยังไม่เป็นซะทีเดียว เพราะถึงแม้ในหนังสือจะมีชี้ตำหนิแต่เราก็ไม่เคยได้ดูจากองค์จริง สุดท้ายทำไงได้ผมเองก็อยากดูพระเป็นแล้ว ตอนนั้นก็เริ่มมีสตางค์แล้วก็เลยตัดสินใจซื้อพระเครื่อง เพราะเริ่มเป็นที่ปรึกษา lion air แล้วก็เป็นที่ปรึกษาของหลายๆ ที่ พระองค์แรกซื้อตอนนั้นก็คือพระหลวงพ่อปาน ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นพระหลวงพ่อปานผมก็มีนะ แต่มันเหมือนฝังใจตั้งแต่ตอนที่ผมเอาพระหลวงพ่อปานของพ่อไปขายทำให้รู้สึกว่าถ้าจะซื้อพระก็อยากจะซื้อพระหลวงพ่อปาน ซึ่งหลังจากซื้อองค์แรกก็ย่อมมีองค์ต่อๆ มา จากนั้นก็เริ่มไปซื้อพระของหลวงพ่อโต บางกระทิง, พระวัดกระช่าย แล้วก็ซื้อเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็หันไปศึกษาเหรียญ เช่น เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จากนั้นก็ซื้อเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ โดยสรุปก็คือถ้าเรามีพระที่เราสนใจเราก็ดูจากหนังสือและหาองค์ต้นแบบที่เป็นองค์จริงมาศึกษาควบคู่กันไปก็จะทำให้เราเข้าใจพระเครื่ององค์นั้นมากขึ้น นี่คือหลักการศึกษาพระเครื่องในมุมของ ดร.ไมค์
แต่จุดพี๊คที่ทำให้ศึกษาพระเครื่องจริงจังและเบนเข็มมาทางสายพระเครื่อง นั้น ดร.ไมค์ กล่าวว่า พอเราซื้อพระมาจากเซียนเชื่อถือได้การันตี แต่พอเราเอาลงกลุ่มใน facebook กลับมีคนบอกพระเก๊ เราก็งงอ้าวเราซื้อจากเซียนพระทำไมถึงมีคนตีเก๊ ก็เริ่มคิดว่าเราทำไงที่จะสามารถการันตีพระของเราได้ก็เลยทำให้เข้ามาสู่วงการพระเครื่องอย่างจริงจัง ซึ่งประจวบเหมาะกับตอนนั้นที่ผมมีรายการวิทยุและรายการทีวีชื่อรายการ Amulet center เป็นรายการส่งเสริมพระเครื่อง ก็มีโอกาสไปตามงานประกวดพระฯ และสัมภาษณ์เซียนพระผู้ใหญ่หลายๆท่าน เริ่มแรกเป็นนักข่าวเหมือนอาจารย์โกวิท แย้มวงษ์ นี่ล่ะครับ จากนั้นก็จะเห็นลู่ทางของวงการพระเครื่องชัดเจนมากขึ้น ประจวบกับพระเครื่องเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ ผมเองก็มีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว จึงเป็นที่มาของการซื้อขายพระเครื่องตั้งแต่ตอนนั้น
ผมไปเช่าตู้พระบน pantip ใช้ชื่อว่าบ้านทองวิมลพระเครื่อง ด้วยความที่เรามองว่ามันจะต้องเติบโตก็เลยเช่าทีเดียว 2 ตู้เลย แต่ตั้งแต่ผมเปิดตู้มาผมไม่เคยไปยืนขายพระเลย ไม่เคยไปอยู่เฝ้าตู้เลย จนมีหลายคนถามว่าเช่าตู้ไว้ทำไมตั้ง 2 ตัว ที่ผมไปเช่าตู้ที่พันทิพย์เพราะว่า ถ้านึกถึงพระเครื่องคนที่อยากจะเล่นพระเครื่องและอยากก้าวเข้าสู่วงการพระก็ส่วนใหญ่จะนึกถึงพันทิพย์งามวงศ์วานเป็นที่แรก เพราะว่าพันทิพย์งามวงศ์วานนี้เป็นศูนย์รวมของนักเล่นพระเครื่องรวมไปถึงเป็นแหล่งที่การันตีร้านค้าต่างๆ หรือตู้พระต่างๆ ด้วย โชคดีที่ผมเองก็มีความคุ้นเคยกับคุณพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยมาตั้งแต่สมัยที่ผมทำรายการให้กับคุณโอ๋ กันตนา ก็เลยเข้าไปที่นั่นเลยโดยตรง แล้วพอเปิดร้านที่นั่น ลูกค้าผมที่เป็นชาวต่างชาติพอรุ้ว่าเรามีร้านที่อยู่พันธุ์ทิพย์ก็ได้รับความเชื่อถือ เพราะที่นั่นเป็นที่ทำการของสมาคมฯ และเป็นสากลที่สุด
หลังจากซื้อขายและมีตู้พระก็ทำให้ ดร.ไมค์ เข้าสู่เส้นทางของพระเครื่องอย่างเต็มตัว คือเปิดตลาดพระเครื่อง Amulet Center ตลาดพระเครื่อง 4.0 ที่ The Station โดยความเป็นมาที่ได้มาเปิดตลาดพระนั้น ดร.ไมค์เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มภูมิใจว่า “เริ่มจากเมื่อหลายปีก่อนนั้นมีงานเซอร์พระจัดอยู่ที่ The Station แห่งนี้แล้วก็มีคนเขาเชิญให้มาเป็นพิธีกร จึงได้เจอกับคุณวิรัช ซึ่งเป็นเจ้าของห้าง The Station ที่นี่เมื่อก่อนก็เปิดตลาดพระอยู่แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คุณวิรัชจึงชวนผมมาดูแลบริหารจัดการในส่วนตลาดพระ ตอนนั้นบริเวณนี้เป็นศูนย์พระใช้ชื่อ Amulet Center แล้วเราก็เริ่มแบ่งให้มีตู้กับคนที่อยากมาเปิดตู้ หลังจากนั้นก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นว่าคนให้ความสนใจมาเปิดตู้พระเยอะขึ้นก็เลยตัดสินใจกับพี่วิรัชว่า ไหนๆ ก็เรา ให้คนเปิดตู้แล้วเรามาทำตลาดพระเลยแล้วกัน ก็เลยเป็นเป็นตลาดพระเครื่อง Amulet Center ขึ้น โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมานี้เอง โดยศูนย์พระเครื่อง Amulet Center จะเปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 น. และมีตลาดนัดพระเครื่องทุกวันพุธกับวันศุกร์ครับ”
ตลาดพระเครื่องของเรานั้นตั้งใจไว้ว่าอยากให้ที่นี่เป็น hub ของพระเครื่อง หรือเป็น landmark ของพระเครื่องของชลบุรี สำหรับทุกเพศทุกวัยได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เพราะที่นี่เราไม่ได้มีแค่พระเครื่อง มีสถานีรถตู้ด้วย จึงอยากให้คนที่เขามาเที่ยวที่จังหวัดชลบุรีได้มาเยี่ยมชมที่นี่ พอนึกถึงจุดนี้ผมก็เลยทำตลาดพระเครื่องขึ้นมาที่ไม่เหมือนใคร อย่างเช่น การจัดคอนเสิร์ตในตลาดพระเครื่องซึ่งยังไม่มีใครทำ เราก็จัดคอนเสริ์ตให้ฟังเพลงทั้ง 2 วันที่เป็นตลาดนัดพระเครื่องเลย ผมอยากให้ที่นี่ทุกๆ คนสามารถมาได้ คุณพ่อมาได้คุณแม่มาได้และคุณลูกมาได้ ตอนแรกของที่นี่ตอนเปิดช่วงแรกๆ คนก็ยังงงอยู่ แต่พอเข้าครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 เขาก็เริ่มที่จะชวนลูกและพาครอบครัวมาดูคอนเสิร์ต คนที่มานั่งรอรถตู้ก็ได้ผ่อนคลายฟังเพลง
และจุดประสงค์หลักก็คือผมมองว่าคนที่ชอบพระเครื่องส่วนใหญ่นั้นมีเยอะ แต่ไม่กล้าที่จะคุยกับเซียน เพราะว่าเซียนบางทีก็มองว่าเซียนพระมีอีโก้ค่อนข้างสูง และน่ากลัว เราก็เลยจัดคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการละลายพฤติกรรมให้ได้พูดคุยแล้วก็ผ่อนคลายมากขึ้น ผมอยากให้ตลาดพระน่าเดินไม่น่ากลัว พอมีคนเข้ามาเดินจากที่ไม่เคยรู้จักพระเครื่องก็จะได้รู้จักพระเครื่อง จากที่ไม่เคยชอบพระเครื่องก็จะเริ่มชื่นชอบพระเครื่องจากการซึมซับตรงจุดนี้ เพราะ และนอกจากนี้เราไม่ได้มีแค่คอนเสิร์ตเราก็ยังมีการจัดเสวนาให้ความรู้ต่างๆ อย่างเช่นการสอนทำ CPR การสอนช่วยชีวิตคน เป็นต้น
ตลาดพระเครื่องของเราไม่ได้เป็นสไตล์พระเครื่องจ๋าเลย แล้วตลาดพระเครื่องที่ผมวางไว้ก็คือคุณไม่ต้องตื่นเช้า คุณมาสายๆ ก็ได้ เรามีคอนเสิร์ตให้ฟังตอนตั้งแต่ 10 โมงแล้ว ก็นั่งคุยกันไปกินกาแฟไปขายพระไปด้วยฟังเพลงไปด้วย และนอกจากนี้ตลาดพระเครื่องของเราตอนนี้ 3 เดือนแรก เราไม่เก็บค่าเช่าและ ให้ค่าข้าว ซึ่งนอกจากเราจะแจกค่าข้าวให้กับคนที่มาเปิดแผงพระแล้วเรายังแจกให้กับคนที่มาเดินในตลาดพระด้วย คุณจะมาเดินเล่นหรือมาซื้อขายคือเราให้คูปองกินข้าวแค่ลงทะเบียนกับเรา นอกจากนี้ก็ยังมีการเล่นเกมแจกเงินแจกของรางวัลอีกบนเวทีด้วย
สำหรับคนที่อยากจะเข้ามาสู่วงการพระเครื่อง ดร.ไมค์ แนะนำว่า การเข้ามาสู่วงการพระนั้น มี 2 มุม มุมแรกสำหรับคนเล่นพระเครื่องแบบสะสม ถ้าเราเล่นพระเครื่องเพราะสะสมก็ควรสะสมพระเครื่องที่มีใบการันตี หรือมีใบประกาศจะงานประกวดพระฯ ที่ผ่านการอนุมัติจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ไหนๆ คุณก็จะสะสมแล้วคุณก็ทำให้มันชัดเจนไปเลย
ส่วนมุมที่ 2 ถ้าคนที่จะเข้ามาสู่วงการพระเครื่องเพื่อซื้อขาย ก็ต้องดูก่อนว่าวันนี้ที่คุณเข้ามาเป็นเซียนคุณจะขายใคร สมมุติคุณจะขายนาย ก. แล้วใน ก. นั้นคือใคร มีอยู่กี่คน อยู่ในกลุ่ม target ไหนซึ่งอาจจะเป็นนายกก็ได้ อาจจะเป็นข้าราชการก็ได้ แม่บ้านก็ได้หรืออาจจะเป็นพนักงานทั่วไปก็ได้ คุณต้องวาง target group วางเป้าหมายได้ ถ้าทำได้คุณจะไปบรรลุจุดประสงค์นั้น อย่างเช่นวันนี้ผมตั้งเป้าไว้ว่าผมจะไลฟ์สดขายพระให้คนระดับกลาง พระเครื่องที่ผมไลฟ์สดขายก็จะไม่มีราคาเกิน 30,000 หมื่น ผมจะวางไว้ว่าจะขายพระหลักร้อยไปจนถึงไม่เกิน 30,000 บาทให้คนกลุ่มนี้ พอเราวาง target group สำหรับคนดูไลฟ์สดไว้ เวลาซื้อขายมันก็จะง่าย หรือถ้าคุณจะซื้อขายให้คนต่างชาติเหมือนผม คุณก็ต้องมองว่าต่างชาติชอบอะไร ถ้าคุณมองขาดคุณก็ขายได้ แต่ถ้าคุณมองไม่ขาดแล้วพยายามจะขายพระให้ต่างชาติขายยังไงเขาก็ไม่ซื้อเพราะเขาไม่ได้ต้องการพระที่คุณแนะนำ และถ้าต้องการที่จะให้เราประสบความสำเร็จในวงการพระเครื่องก็ต้องมองต้องวางกลุ่มเป้าหมายให้ได้ อย่างเช่น ตลาดพระเครื่องที่ผมวาง target ไว้คือ พ่อแม่ลูกมากันได้หมดทั้งครอบครัว จึงทำให้มีตลาดรูปแบบใหม่ๆ แบบนี้เกิดขึ้นครับ
สำหรับใครที่อยากจะมาเดินเที่ยวชมหรือว่าอาจจะมาฟังคอนเสิร์ตสามารถแวะมาได้ง่ายมากๆ เพราะที่นี่เป็นคิวรถตู้ หาง่าย เดินทางสะดวก ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ถ้าไม่ขับรถมาเองก็นั่งรถตู้จากจตุจักร พันทิพย์หรือสายใต้ พุ่งตรงมาลงที่ Amulet Center ที่ The Station ได้เลย ถ้าใครอยากจะมาเดินหาพระ ถ้ามาเดินตลาดพระเฉยๆ มันก็จะง่ายไป แต่ถ้าเกิดอยากมาเดินตลาดพระแล้วมีข้าวกิน ได้ฟังเพลงด้วยให้มาที่ Amulet Center โทร. 089-311-7374 ครับ ดร.ไมค์ ไทยแลนด์ กล่าวทิ้งท้าย